“เทพไท” ไลฟ์เฟซบุ๊กติงรัฐบาลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด-19 แบบแบ่งกลุ่มและต้องลงทะเบียนทำให้เสียเวลายุ่งยาก ทำไมไม่จ่ายถ้วนหน้าทุกครัวเรือน หรือให้ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีเงินฝากธนาคารไม่ถึง 1 แสน ถามมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่
วันนี้ (20 พ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์ กรณีเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า”ของทำเนียบรัฐบาล โพสต์ข้อความว่า รัฐบาลเร่งพิจารณาช่วยเหลือคนไทยทุกกลุ่ม เพื่อฝ่าวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยกำลังเร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม หลังจากได้ออกมาตรการ “เราไม่ทิ้งกัน” และ “เยียวยาเกษตรกร” มาแล้ว โดยอีก 4 กลุ่มที่กำลังพิจารณา ประกอบด้วย 1. กลุ่มเปราะบาง (เด็กแรกเกิด/ผู้สูงอายุ/คนพิการ) จำนวนประมาณ 13 ล้านคน (โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ดูแล) 2. กลุ่มผู้มีรายได้น้อย จำนวนประมาณ 2.4 ล้านคน (โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแล) 3. กลุ่มลงทะเบียนไม่สำเร็จ จำนวนประมาณ 1.7 ล้านคน (ให้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ที่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา ระหว่างวันที่ 18-29 พฤษภาคมนี้ โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแล) 4. กลุ่มคนผู้ได้รับผลกระทบฉุกเฉิน 1 ล้านคน (โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ดูแล)
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนตัวได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด พบว่าถ้าสรุปจำนวนตัวเลขผู้ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลทั้งหมด นับตั้งแต่ผู้ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 16 ล้านคน ครัวเรือนเกษตรกร 10 ล้านคน กลุ่มเปราะบาง 10 ล้านคน กลุ่มผู้มีรายได้น้อย 2.4 ล้านคน กลุ่มลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.7 ล้านคนกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบฉุกเฉิน 1 ล้านคน รวมยอดสุทธิของผู้ได้รับการเยียวยาทั้งหมด 41.1 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าวิธีการเยียวยาแบบจ่ายให้ทุกครัวเรือนทั้งประเทศ ที่มีอยู่ประมาณ 20 ล้านครัวเรือน หรือเลือกใช้วิธีการเยียวยาให้คนไทยทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป มีเงินฝากในธนาคารไม่เกิน 1 แสนบาท จะมีจำนวนผู้ได้รับการเยียวยาน้อยกว่า 41.1 ล้านคนอย่างแน่นอน
ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลจึงเลือกวิธีการเยียวยาแบบที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันซึ่งเสมือนเป็นการเยียวยาให้กับคนไทยเกือบทั้งประเทศ หากรัฐบาลได้ใช้วิธีการเยียวยาทั่วหน้าทุกคนตั้งแต่ต้นจะไม่มีความยุ่งยากหรือปัญหาในทางปฏิบัติเลย และสามารถทำได้เสร็จสิ้นภายในไม่เกิน 10 วัน แต่เมื่อรัฐบาลเลือกวิธีการเยียวยาเป็นเฉพาะแต่ละกลุ่มเช่นนี้ก็ต้องเสียเวลาในการดำเนินการไปประมาณ 2 เดือนกว่าจะเสร็จสิ้นโครงการ ทำให้เกิดความเดือดร้อนในหมู่ประชาชนจนถึงขั้นออกมาประท้วง และฆ่าตัวตายหลายราย จึงเกิดข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากโดยไม่จำเป็น หรือการใช้วิธีการโอนเงินให้ผู้เดือดร้อนทุกคนโดยทั่วหน้าโดยไม่ต้องลงทะเบียน จะเป็นวิธีที่ง่ายเกินไป ทำให้ประชาชนไม่รู้สึกว่าเป็นบุญคุณกับรัฐบาล หรือว่ารัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่