ตัวแทนผู้ประกอบการนวดแผนไทย ยื่นหนังสือนายกฯ วอนปลดล็อกเหมือนร้านทำผม-ทำเล็บ เหตุเป็นกิจการประเภทความงามเหมือนกัน หลังพนักงานกระทบหนัก หลายร้านล้มละลาย
วันนี้ (18 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งก.พ.) นายพิทักษ์ โยธา ตัวแทนผู้ประกอบการสถานบริการเพื่อสุขภาพ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี และนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมแนบรายชื่อผู้ประกอบการทั้งหมดที่มีถึง 500 กว่ารายชื่อ เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนปรนหรือปลดล็อกกิจการประเภทนวดแผนไทย หรือนวดเพื่อสุขภาพ
โดยนายพิทักษ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา มาตรการการผ่อนปรนของรัฐบาลในเรื่องของกิจการ และกิจกรรมต่างๆ ไม่มีกิจการประเภทนวดเพื่อสุขภาพ จึงเห็นว่ากิจการประเภทนวดเพื่อสุขภาพไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีความลำบากจากการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ยังมองด้วยว่า กิจการประเภทนวดแผนโบราณหรือนวดเพื่อสุขภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากกิจการประเภทเสริมความงาม เช่น ร้านตัดผม ร้านท่าเล็บ และห้างสรรพสินค้า ซึ่งไม่เกี่ยวกับการทำใบหน้า แต่กิจการประเภทเสริมความงามกลับได้รับการผ่อนปรน
นายพิทักษ์กล่าวต่อว่า เงินเยียวยาของรัฐบาล 5,000 บาทนั้น ถือว่าไม่พอในหลักของความเป็นจริง เนื่องจากผู้ประกอบการ และลูกจ้างนวดแผนโบราณ หรือนวดเพื่อสุขภาพ ต้องใช้งบในการดูแลตัวเองระหว่างที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ รวมถึงการต้องเสียค่าเช่าที่พักเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่าเงินเยียวยาที่รัฐบาลให้ 5,000 บาทนั้นไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ทางร้านนวดได้มีการจัดอบรมและเตรียมความพร้อมด้านสุขอนามัยไว้แล้ว แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉย ไม่รับแนวทางไปพิจารณา ทั้งที่สถานเสริมความงามอื่นก็เปิดได้ จึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนปลดล็อกให้กับกิจการประเภทนวดโดยเร็วด้วยเนื่องจากผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก บางกิจการถึงกับล้มละลายไปแล้ว จึงอยากให้นึกถึงกิจการนวดแผนไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยและสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศด้วย โดยขอให้กิจการนี้สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเร็วที่สุด