กกต.ยกอีกคำร้อง “สุภรณ์” ไม่ผิดกลั่นแกล้งผู้สมัคร ภท. เชื่อถูกผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลอกได้รับเงินซื้อเสียงเลยร้อง ส่วนผู้มีสิทธิโดนคดีอาญาแทน พร้อมสั่งดำเนินคดีอาญาผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อุดรธานี หลักฐานชัดซื้อเสียงช่วยผู้สมัคร พปชร.
วันนี้ (14 พ.ค.) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ยกคำร้องนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ อีกหนึ่งคำร้อง แต่สั่งดำเนินคดีอาญาต่อ น.ส.ลักษมีกานต์ วาจาสิทธิ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จากกรณีหลังการเลือกตั้ง นายสุภรณ์ได้ยื่นร้องคัดค้านโดยอ้างว่าในวันที่ 24 ก.พ. 62 น.ส.ลักษมีกานต์ได้รับเงินจำนวน 200 บาท จากการไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่บริเวณเทศบาลตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา และในวันที่ 21 มี.ค. 62 ได้รับเงินจากหัวคะแนนของนายพรชัย อำนวยทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 3 พรรคภูมิใจไทย แต่จากการไต่สวนของ กกต. น.ส.ลักษมีกานต์ให้ถ้อยคำว่าไมได้ไปฟังการปราศรัยหาเสียง และไม่ได้รับเงินตามคำร้อง ส่วนภาพถ่ายเงินจำนวน 200 บาท และ 500 บาท ถ่ายภาพจากเงินของตัวเองแล้วส่งไปให้นายธวัชชัย ลาภกระโทก ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากนายธวัชชัยแจ้งว่าหากมีข้อมูลเกี่ยวกับการแจกเงินของผู้สมัครรายใดให้นำมาแจ้งจะมีค่าตอบแทนให้
ขณะที่นายสุภรณ์ และนายธวัชชัย ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า นายสุภรณ์ได้รับแจ้งจากนายธวัชชัยโดยได้แสดงข้อความการสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ระหว่างนายธวัชชัย และน.ส.ลักษมีกานต์ และคลิปวิดีโอการปราศรัยหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จึงเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง และนำเรื่องมายื่นร้องคัดค้าน ประกอบกับไม่มีพยานยืนยันว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัยเป็นผู้ก่อสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ลักษมีกานต์กระทำการดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่านายสุภรณ์ และนายธวัชชัยกระทำผิด ส่วน น.ส.ลักษมีกานต์ยอมรับว่าตนเองได้จัดทำพยานหลักฐานเป็นเท็จเพื่อประสงค์ได้ค่าตอบแทน และย่อมเล็งเห็นว่านายสุภรณ์และนายธวัชชัยจะนำพยานหลักฐานดังกล่าวไปใช้ในการยื่นคำร้องกล่าวหานายพรชัย จึงฟังได้ว่า น.ส.ลักษมีกานต์กระทำการอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง แกล้งให้ผู้สมัครผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพื่อไม่ให้มีการประกาศผลการเลือกตั้ง จึงให้ดำเนินคดีอาญาเฉพาะ น.ส.ลักษมีกานต์ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 143
นอกจากนี้ กกต.ยังมีคำวินิจฉัยยกคำร้องนายโกเมนทร์ ฑีฆธนานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 อุดรธานี พรรคพลังประชารัฐ แต่ให้มีการดำเนินคดีอาญาต่อนางวรรณี ขจรเดช ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จากกรณีนายโกเมนทร์ถูกร้องว่ารู้เห็น สนับสนุนให้นางวรรณีนำเงิน 1,500 บาท ไปแจกจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนละ 500 บาท เพื่อให้ลงคะแนนเสียงให้แก่ตน โดยมีคลิปวิดีโอบันทึกภาพการจ่ายเงิน 3 เหตุการณ์ในวันที่ 18-20 มี.ค. 62 เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการไต่สวนของ กกต. แม้นางวรรณีปฏิเสธไม่ได้รับเงินจากบุคคลใดมาแจกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนให้นายโกเมนทร์ แต่ก็ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน กกต.จึงถือว่ามีน้ำหนักน้อยไม่น่าเชื่อถือ การกระทำของนางวรรณีจึงเข้าข่ายให้ เสนอให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใด จูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนให้แก่นายโกเมนทร์ ฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งมาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) ส่วนนายโกเมนจากการตรวจสอบคลิปวิดีโอหลักฐาน และไต่สวนพยานในเหตุการณ์ตามคลิปวิดีโอมีเพียงการบอกเล่าว่ามีการแจกเงินซื้อเสียงโดยตัวแทนหัวคะแนนของนายโกเมนทร์ แต่ไม่มีใครยืนยันว่านางวรรณีเป็นหัวคะแนนของนายโกเมนทร์ และนายโกเมนทร์รู้เห็นสนับสนุนการกระทำของนางวรรณี พยานหลักฐานจึงยังฟังไม่ได้ว่านายโกเมนทร์กระทำผิดกฎหมาย จึงสั่งให้ดำเนินคดีอาญาเฉพาะนางวรรณีตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1)