เครือข่าประชาชนปกป้องประเทศ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบค่าไฟฟ้าแพง เหตุไม่สัมพันธ์การอ่อนตัวของราคาก๊าซโลก-ค่าเงิน ระบุควรลดมากว่า 50 สตางค์ต่อหน่วย
วันนี้ (13 พ.ค.) เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขาธิการ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบการคิดค่าไฟฟ้าและมีข้อเสนอต่อคณะกรรมการการกำกับกิจการพลังงาน คณะกรรมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อให้ปรับลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน พ.ท.พญ.กมลพรรณกล่าวว่า หลักการคิดค่าไฟฟ้าจะคำนวณมาจากราคาก๊าซของตลาดโลกและค่าเงิน ซึ่งในปี 2563 ราคาแก๊สและค่าเงินบาทของไทยอ่อนตัวกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2560 ราคาก๊าซโลกอยู่ที่ 2-3 เหรียญต่อล้านบีทียู หรือประมาณ 100 บาท ราคาแก๊สไทยที่ใช้คิดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 224 บาทต่อล้านบีทียู และค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 31-30 บาท ขณะที่ปี 2562 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 31-32 บาท
แต่ในปี 2563 ราคาก๊าซในตลาดโลกลดลงเหลือ 1-2 เหรียญต่อล้านบีทียู หรือประมาณ 50-60 บาท ดังนั้น การที่การไฟฟ้าประกาศลดค่าไฟฟ้า 3 เปอร์เซ็นต์ หรือที่ระบุว่าหากใช้มากจะลด 50 เปอร์เซ็นต์ ทางเครือข่ายก็ยังเห็นว่าเป็นการลดค่าไฟแบบไม่เป็นธรรม ควรที่จะลดมากกว่า 37 สตางค์ต่อหน่วย หรือลดได้ถึง 50 สตางค์ต่อหน่วยด้วยซ้ำ เพราะเมื่อไปดูรายได้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า พบว่ามีกำไรสะสมอยู่จำนวนมาก ขณะที่รายได้ของ ปตท.สผ.ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานแหล่งบงกชใต้ก็มีกำไรพุ่งขึ้นมาโดยตลอด จึงอยากให้ผู้ตรวจดำเนินการตรวจสอบการคำนวณค่าไฟฟ้าในแต่ละช่วงของระยะเวลาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายนว่ามีการใช้ตัวเลขใดในการคำนวณ การซื้อไฟฟ้าที่ กฟผ.ซื้อจากเอกชน ใช้หลักเกณฑ์ใดในการกำหนดราคาซื้อขาย และมีสัดส่วนในการซื้อจากเอกชนรายใดบ้าง จำนวนเท่าใด สูตรในการคำนวณเอามาจากแหล่งใด
ด้านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กล่าวว่าจะเร่งนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้ผู้ตรวจฯ พิจารณาโดยเร็ว