กมธ.แก้ปัญหายากจนฯ ส.ว. เสนอ รบ.ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะปากท้อง หนี้กองทุน มอง รัฐบาลไม่ละเลยปฏิรูป แค่ไม่เด็ดขาด
วันนี้ (12 พ.ค.) นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา แถลงต่อข้อเสนอของ กมธ.ฯ ที่เตรียมให้รัฐบาลพิจารณาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงแก้ปัญหาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ในภาวะวิกฤตรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน โดยมีข้อเสนอ คือ การแก้ไขหนี้สินของประชาชนในพื้นที่ชนบท ที่พบการรวมกลุ่มเป็นกองทุนต่างๆ 4-30 กองทุน ทำให้ประชาชนที่เป็นหนี้กองทุนต้องมีภาระเรื่องการผ่อนชำระจำนวนมาก ดังนั้น ข้อเสนอคือให้รวมเป็นกองทุนเดียว คือ กองทุนหมู่บ้าน และมีมาตรการขยายเวลาการชำระหนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถฟื้นตัวในภาวะโควิดได้ และข้อเสนอต่อการแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม จากการศึกษาสามารถใช้การสร้างแหล่งน้ำเล็กๆ ในชุมชนเพื่อกักเก็บน้ำ โดยจากการสำรวจพบว่ามีตำบลที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 996 ตำบล หากดำเนินโครงการดังกล่าวที่ใช้เวลาสร้าง 4 เดือน จะช่วยแก้ปัญหาได้
ขณะที่ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ส.ว. ฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวถึงสภาพปัญหาช่วงการระบาดไวรัสโควิด-19 ว่า สามารถแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา คือ 1. อยู่ให้รอด คือ การเร่งตรวจหาผู้ที่ได้รับผลกระทบและเข้าไม่ถึงสิทธิที่ควรได้รับอย่างเร่งด่วน ซึ่งช่วงดังกล่าวรัฐบาลสามารถทำได้ดี 2. ช่วงอยู่ให้เป็น คือ การบริหารจัดการความเสี่ยงของทุกอาชีพ และ 3. อยู่ให้ยืนนาน อย่างไรก็ตามตนมองว่าภาวะวิกฤตโควิดรัฐบาลไม่ได้ละเลยงานปฏิรูปที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายและรัฐธรรมนูญกำหนด เพียงแต่ไม่มีความเด็ดขาด ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งทำคือ การสื่อสารผลการดำเนินงานต่อสาธารณะ
ส่วน นายภาณุ อุทัยรัตน์ ส.ว. ฐานะเลขานุการ กมธ. กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหายากจนและความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น มีข้อเสนอเพื่อให้เกิดมาตรการช่วยเหลือระยะยาว คือ 1. เตรียมชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงาน เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 2. ดูแลคุณภาพชีวิต ของประชาชนทั้ง 5 แสนครัวเรือนในชุมชนพื้นที่ภาคใต้ โดยจ้างคนในพื้นที่ให้ดำเนินโครงการตามที่คณะกรรมการชุมชนนำเสนอ และ 3. ดูแลผลผลิตภาคการเกษตรและแปรรูป รวมถึงการตลาด