ส.ส.ก้าวไกล ห่วงเงินกู้ตาม พ.ร.ก.เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท อาจรั่วไหลหรือได้ผลลัพธ์เช่นเดิม หากรัฐบาลยังใช้โมเดลเก่าแบบโครงกการไทยนิยมยั่งยืนและกองทุนหมู่บ้าน แนะเก็บไว้เยียวยาหากเกิดการระบาดรอบ 2 จะดีกว่า จี้บริษัทในเครือ 20 มหาเศรษฐี งดรับความช่วยเหลือจากกองทุนพยุงหุ้นกู้ 4 แสนล้านของ ธปท.
วันนี้ (8 พ.ค.) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตถึง พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ว่ามีความห่วงใยว่าเงินที่ตั้งมาเพียงพอหรือไม่ โดยเฉพาะก้อนแรกวงเงิน 1 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยไป แผนงานด้านสาธารณสุข และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ วงเงิน 6 แสนล้านบาท และอีก 4 แสนล้านบาท ไว้สำหรับแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ขณะนี้กำลังจะหมดแล้ว โดยที่ยังไม่รู้ว่าหากมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสในระลอกที่ 2 จะใช้งบประมาณในส่วนไหนต่อ อีกทั้งตนยังมีความเป็นห่วงในตัว พ.ร.ก.ที่ไว้สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาทที่จะถูกใช้ผ่านกระทรวงมหาดไทย และกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งตนเกรงว่าจะซ้ำรอยกับโครงการไทยนิยมยั่งยืนในยุค คสช.ที่จ่ายงบประมาณลงหมู่บ้านแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ โดยไม่รู้ได้อะไรกลับมา เพราะประเมินไม่ได้ว่ามีผลจริงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหากจะใช้โมเดลเดิมมาทำในเรื่องเดิมๆ ก็อาจได้ผลลัพธ์เช่นเดิมด้วย โดยอาจเป็นเพียงแค่การใช้งบประมาณโดยสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคพลังประชารัฐ และอาจมีการรั่วไหลเปิดช่องทุจริตหรือไม่ด้วย เพราะกระทรวงมหาดไทย ยังมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และกองทุนหมู่บ้านก็ยังมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งล้วนเป็นบุคคลเดิมๆ ในยุค คสช.และมาทำหน้าที่ในรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้น ตนจึงเสนอว่า เงินกู้ 4 แสนล้านบาทนั้น ควรเก็บไว้เยียวยาดีกว่า หากมีการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ส่วนงบประมาณสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น สามารถใช้งบประมาณในปี 2564 ได้
น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า ส่วน พ.ร.ก.สำหรับดูแลเสถียรภาคทางการเงิน วงเงิน 4 แสนล้านบาท โดยให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าซื้อตราสารหนี้นั้น แม้ตนจะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีความจำเป็นที่ทำให้ตลาดการเงินไม่ผันผวน แต่ก็ยอมรับว่าเป็นการอุ้มนายทุนแน่ๆ เพราะตนข้อตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการอุ้มแบบเลือกที่รักมักที่ชังหรือไม่ ดังนั้น วันนี้ขอเรียกร้องถึงยัง 20 มหาเศรษฐีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ส่งหนังสือเชิญชวนเพื่อเหลือประเทศในช่วงวิกฤตโควิด โดยเฉพาะ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ซึ่งมีธุรกิจในเครือ เช่น ทรูมูฟเอช ทรู คอร์ปอเรชั่น เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซีพีออล รวมทั้งกลุ่มเครือไทยเบฟเวอเรจ ที่มีเบอร์ลี่ยุคเกอร์เป็นบริษัทในเครือซึ่งกำลังมีหุ้นกู้ครบกำหนดในปีนี้นั้น ไม่ควรขอรับการเข้าร่วมใช้เงินตาม พ.ร.ก.ดังกล่าวเพราะช่วยเหลือประชาชน