“บิ๊กตู่” ยอมรับ 17 พ.ค.ปลดล็อกผ่อนปรนระยะ 2 ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมมือทำให้ตัวเลขติดเชื้อโควิด-19 ลดลงเหลือเพียงหลักหน่วย วอนทุกฝ่ายอดทนอีกนิดอย่าเอาทุกเรื่องมาเป็นข้อขัดแย้ง ทุกประเทศเจอปัญหาเดียวกัน
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภายหลังเป็นประธานตรวจเยี่ยม ติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ โดยขอบคุณบรรดาผู้ประกอบการทั้งเอกชนและทุกภาคส่วนรวมทั้งประชาชนที่ให้ความร่วมมือจนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เหลือเพียงหลักหน่วยว่า ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้โฆษกรัฐบาลชี้แจงและขอบคุณไปแล้ว และวันนี้ได้สั่งการให้รวบรวมแบบอย่างที่ดีและตัวอย่างที่ผู้ประกอบการได้ดำเนินการในส่วนขององค์กรนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของร้านค้าปลีก ร้านค้าย่อยต่างๆ เพื่อให้เห็นเป็นตัวอย่างและแบบอย่าง ถ้าทุกคนช่วยกันแบบนี้ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัย ไว้วางใจ และทำให้เกิดความเชื่อมั่นที่จะออกมาใช้ชีวิตปกติ แม้จะเป็นในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดถ้าเราไม่ทำแบบนี้แล้วถ้าเกิดการระบาดกลับมาอีกจะเดือดร้อนและลำบากมากกว่าเดิม ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันตรงนี้ รัฐบาลมีทุกมาตรการออกมาแล้ว แต่ถ้าทุกคนไม่ทำ ไม่ปฏิบัติตามก็มีปัญหาทุกเรื่องไป ขออย่าให้ทุกเรื่องเป็นความขัดแย้งเลย ทุกประเทศก็เจอปัญหาเช่นเดียวกันกับเรา และเราก็ถือว่าเราทำดีที่สุดของเราในปัจจุบัน รวมทั้งความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย
“ขอให้ทุกคนอดทนและช่วยกัน รัฐบาลก็พยายามทำเต็มที่ การช่วยเหลือก็มีการทยอยออกมาตามลำดับเพราะเรามีคนจำนวนมาก เราต้องดูแลทั้งผู้ประกอบการประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ และเราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยาวนานไปอีกแค่ไหน แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้ในประเทศของเราปลอดภัยให้ได้โดยเร็วมากที่สุด และจากภายนอกก็ต้องระวังอีกด้านหนึ่ง เราต้องทำทั้งสองทางด้วยกัน และคิดว่าในระยะเวลาอันใกล้จะมีการเปิดกิจการอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก ซึ่งต้องขอประเมินกันอีกนิด”
เมื่อถามว่าแนวนโยบายในการจ้างงานในพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการต้นเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า ใช่ การจ้างงานดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้มีงานมีเงินเดือน บางส่วนก็ได้รับการชดเชย
ตามกฏหมาย หากมีการเปิดโรงงานได้ก็จะมีการเริ่มจ้างงาน นั่นคือการฟื้นฟูแล้ว แต่ทำอย่างไรจะให้กลับมาเท่าเดิม บางกิจการหากจะทำให้สูงขึ้นก็จะต้องมีการพัฒนาในส่วนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมต่างๆเพื่อให้ทุกคนไว้วางใจกลับมาเที่ยวประเทศไทย และสุขภาพเราก็ดูแลดีเป็นพิเศษ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะมาก่อนหรือไม่ต้องคิดแบบนี้ อย่างไรก็ตามกิจกรรมไม่ได้เปิดทุกประเภทพร้อมกันเพราะอาจทำให้รวนไปทั้งหมด ตรงนี้ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง
“ทั้งนี้ ภาคธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่ทุกคนจะได้ไปพบและคุยกันแล้ว ยืนยันรัฐบาลจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุดมากเท่าที่สามารถจะทำได้ตามกรอบกฎหมายและวงเงินงบประมาณที่มีอยู่รัฐบาลจะใช้เงินให้เกิดประสิทธิภาพ ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นและฟังรัฐบาลบ้าง”นายกนัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันที่ 17 พฤษภาคมนี้จะสามารถดำเนินการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ในระยะที่ 2 ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ใช่ ก็กะไว้อย่างนั้นแหละ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีการตั้งคณะที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจแสดงว่าขณะนี้เราเข้าสู่โหมดการฟื้นฟูแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องทำทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคต
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภายหลังเป็นประธานตรวจเยี่ยม ติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ โดยขอบคุณบรรดาผู้ประกอบการทั้งเอกชนและทุกภาคส่วนรวมทั้งประชาชนที่ให้ความร่วมมือจนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เหลือเพียงหลักหน่วยว่า ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้โฆษกรัฐบาลชี้แจงและขอบคุณไปแล้ว และวันนี้ได้สั่งการให้รวบรวมแบบอย่างที่ดีและตัวอย่างที่ผู้ประกอบการได้ดำเนินการในส่วนขององค์กรนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของร้านค้าปลีก ร้านค้าย่อยต่างๆ เพื่อให้เห็นเป็นตัวอย่างและแบบอย่าง ถ้าทุกคนช่วยกันแบบนี้ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัย ไว้วางใจ และทำให้เกิดความเชื่อมั่นที่จะออกมาใช้ชีวิตปกติ แม้จะเป็นในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดถ้าเราไม่ทำแบบนี้แล้วถ้าเกิดการระบาดกลับมาอีกจะเดือดร้อนและลำบากมากกว่าเดิม ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันตรงนี้ รัฐบาลมีทุกมาตรการออกมาแล้ว แต่ถ้าทุกคนไม่ทำ ไม่ปฏิบัติตามก็มีปัญหาทุกเรื่องไป ขออย่าให้ทุกเรื่องเป็นความขัดแย้งเลย ทุกประเทศก็เจอปัญหาเช่นเดียวกันกับเรา และเราก็ถือว่าเราทำดีที่สุดของเราในปัจจุบัน รวมทั้งความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย
“ขอให้ทุกคนอดทนและช่วยกัน รัฐบาลก็พยายามทำเต็มที่ การช่วยเหลือก็มีการทยอยออกมาตามลำดับเพราะเรามีคนจำนวนมาก เราต้องดูแลทั้งผู้ประกอบการประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ และเราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยาวนานไปอีกแค่ไหน แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้ในประเทศของเราปลอดภัยให้ได้โดยเร็วมากที่สุด และจากภายนอกก็ต้องระวังอีกด้านหนึ่ง เราต้องทำทั้งสองทางด้วยกัน และคิดว่าในระยะเวลาอันใกล้จะมีการเปิดกิจการอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก ซึ่งต้องขอประเมินกันอีกนิด”
เมื่อถามว่าแนวนโยบายในการจ้างงานในพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการต้นเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่า ใช่ การจ้างงานดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้มีงานมีเงินเดือน บางส่วนก็ได้รับการชดเชย
ตามกฏหมาย หากมีการเปิดโรงงานได้ก็จะมีการเริ่มจ้างงาน นั่นคือการฟื้นฟูแล้ว แต่ทำอย่างไรจะให้กลับมาเท่าเดิม บางกิจการหากจะทำให้สูงขึ้นก็จะต้องมีการพัฒนาในส่วนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมต่างๆเพื่อให้ทุกคนไว้วางใจกลับมาเที่ยวประเทศไทย และสุขภาพเราก็ดูแลดีเป็นพิเศษ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะมาก่อนหรือไม่ต้องคิดแบบนี้ อย่างไรก็ตามกิจกรรมไม่ได้เปิดทุกประเภทพร้อมกันเพราะอาจทำให้รวนไปทั้งหมด ตรงนี้ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง
“ทั้งนี้ ภาคธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่ทุกคนจะได้ไปพบและคุยกันแล้ว ยืนยันรัฐบาลจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุดมากเท่าที่สามารถจะทำได้ตามกรอบกฎหมายและวงเงินงบประมาณที่มีอยู่รัฐบาลจะใช้เงินให้เกิดประสิทธิภาพ ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นและฟังรัฐบาลบ้าง”นายกนัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันที่ 17 พฤษภาคมนี้จะสามารถดำเนินการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ในระยะที่ 2 ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ใช่ ก็กะไว้อย่างนั้นแหละ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มีการตั้งคณะที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจแสดงว่าขณะนี้เราเข้าสู่โหมดการฟื้นฟูแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องทำทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคต