โฆษกพลังธรรมใหม่ เผยหนุนพรรคก้าวไกล ตั้ง กมธ.วิสามัญ ติดตามแก้ปัญหาเยียวยาโควิด-19 มองทำถูกทาง แต่ต้องไม่ให้คนนอกพรรคมาจุ้น แนะ หวังดีกลัวจะถูกยุบพรรคแบบอนาคตใหม่
วันนี้ (6 พ.ค.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหา ภายใต้วิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า นายพิธา ทำถูกทางและเหมาะสมในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเวทีสภาฯ และควรใช้เวทีนี้ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์
“การใช้งบประมาณแผ่นดินในการแก้ไขปัญหาไม่ให้งบประมาณรั่วไหล ต้องตรวจสอบได้ มีที่มาที่ไป เป้าหมายสำคัญ คือ ต้องถึงมือประชาชนที่กำลังเผชิญวิกฤต ซึ่งสมควรต้องได้รับการเยียวยาในสภาวะปัจจุบันอย่างเร่งด่วน อีกทั้งรัฐบาลยังต้องเตรียมแผนฟื้นฟูประเทศชาติในอนาคตหลังหมดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ดังนั้น การเสนอตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ขึ้นมาจากฝ่ายค้าน เห็นว่า มีเหตุผลเพียงพอ และมีความจำเป็น และไม่น่าจะมีอะไรเสียหายและต้องกังวลสำหรับฝ่ายรัฐบาล” นายจาตุรันต์ กล่าว
นายจาตุรันต์ กล่าวต่อว่า ถ้า นายพิธา ต้องการใช้ กมธ.วิสามัญ มาร่วมแก้ปัญหาประเทศชาติจริงๆ นายพิธา ต้องยึดในหลักการว่าเวทีนี้จะเป็นเวทีที่ใช้แก้ปัญหาร่วมกันให้กับประเทศชาติ ซึ่งต้องระวังอย่าให้คนนอกพรรค ทั้ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่อาจจะหวังใช้เวที กมธ.คณะนี้ ล็อกเป้าโจมตีทำลายล้างทางการเมือง เพราะถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่า นายธนาธร และ นายปิยบุตร ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามาครอบงำพรรค และตัว นายพิธา จะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ชะตากรรมพรรคก้าวไกล คงไม่ต่างจากพรรคอนาคตใหม่
นายจาตุรันต์ ยังกล่าวต่อว่า ตนอยากฝากถึง นายธนาธร ให้ปล่อยวางความแค้น อย่าฉวยโอกาสจากผู้ที่ผิดหวังจากการเยียวยาของรัฐบาล คำพูดของนายธนาธร ที่กล่าวว่า “ให้เก็บความแค้นแปรเปลี่ยนเป็นพลัง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม” นี่คือ การส่งสัญญาณถึงผู้สนับสนุนตนเองให้เตรียมพร้อมออกมาเคลื่อนไหวโดยอาศัยสถานการณ์นี้หวังสร้างกระแสเรียกคนออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลใช่หรือไม่ ดังนั้น จึงอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนอย่าหลงไปเป็นเหยื่อความแค้นของนายธนาธร และ นายปิยบุตร เพราะในภาวะหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย คนไทยควรหันหน้าเข้าสู่ความร่วมมือร่วมใจในการร่วมฟื้นฟูประเทศชาติ ในทางที่ตนเองสามารถช่วยเหลือได้คนละเล็กละน้อยจะเหมาะสมกว่า