โฆษกกลาโหมเผยปลัดกลาโหมหารือหน่วยงานในชลบุรี เล็งใช้พื้นที่เพิ่มเติมกักตัว รองรับคนไทยทยอยกลับจากต่างประเทศ บินตรงลงอู่ตะเภา
วันนี้ (5 พ.ค.) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ ได้รับทราบข้อมูลมีคนไทยในต่างประเทศอีกจำนวนมาก ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งภาครัฐโดยความร่วมมือกับภาคเอกชน จำเป็นต้องเตรียมพื้นที่ที่กำหนดและการบริหารจัดการคัดกรองเข้าสู่กระบวนการกักควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ให้มีจำนวนเพียงพอสำหรับอำนวยความสะดวกรองรับคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับเข้ามา โดยเฉพาะเที่ยวบินจากต่างประเทศที่บินตรงลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
โดย พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะได้เดินทางไปค่ายนวมินทรา จ.ชลบุรี เป็นประธานประชุมหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหัวหน้าหลายส่วนราชการในพื้นที่ ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข แม่ทัพภาคที่ 1 (มทภ.1) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นายกเมืองพัทยา นายก อบจ.ระยอง ผอ.สาธารณสุขนิเทศน์ เขต 6 นายแพทย์สาธารณสุข จ.ชลบุรี ผอ.สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 6 และประธานโรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา รวมทั้งผู้แทน บก.ทท.และเหล่าทัพ
โดยที่ประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อบูรณาการทรัพยากรและการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชนในด้านต่างๆ ทั้งด้านการอำนวยการประสานงาน ด้านการป้องกันและควบคุมโรค ด้านการรักษาพยาบาลและการส่งกลับ ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย รวมทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย รองรับคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับจากต่างประเทศ นอกจากนั้นได้ร่วมกันวางแผนขับเคลื่อนการบริหารจัดการระดับพื้นที่และยังได้ร่วมพิจารณาแผนการใช้โรงแรมในพื้นที่อีก 7 แห่ง จำนวน 2,500 ห้อง เพื่อหมุนเวียนรองรับเป็นพื้นที่กักควบคุมโรคแห่งรัฐเพิ่มเติม จากโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน ซึ่งมีอยู่เดิม โดยปัจจุบันมีผู้เข้าพักกักควบคุมโรคแล้ว จำนวน 577 ห้อง
จากนั้น พล.อ.ณัฐ และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่กักควบคุมโรคแห่งรัฐ ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน โดยภาพรวมที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนราชการ รวมทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งถือเป็นต้นแบบของพื้นที่กักควบคุมโรคของรัฐ ที่สามารถขยายผลรองรับในภูมิภาคต่างๆ ที่มีท่าอากาศยานนานาชาติในอนาคต