กำชับ 77 จังหวัดเข้ม! ร้านอาหาร-ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับการผ่อนคลาย ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามกฎหมายและถูกสั่งปิดสถานประกอบการ/สถานที่ ย้ำให้จัดเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจเป็นระยะ
วันนี้ (4 พ.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสาน แจ้งโทรสารด่วนที่สุดแจ้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยเป็นการลงนามแจ้งโทรสารในราชการกระทรวงมหาดไทยด่วนที่สุด ที่ มท.0230/ว2550 ลงวันที่ 1 พ.ค. 2563 แจ้งให้จังหวัดรับทราบ ถือปฏิบัติ และออกคำสั่งต่างๆ ตามข้อกำหนดออกความตามในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6)
และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 2/2563 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวมทั้งสร้างการรับรู้ตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
เนื่องจากปรากฏการณ์ตามข่าวสารทางสื่อมวลชนว่า ภายหลังการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้มีประชาชนเข้าใช้บริการในสถานประกอบการ/สถานที่ที่ได้รับการผ่อนคลาย ให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมพร้อมกันเป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น การรับประทานอาหารในร้านอาหารการ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น จึงขอให้จังหวัดดำเนินการ
1. จัดระเบียบแนวทางการปฏิบัติของสถานประกอบการ/สถานที่ที่ได้รับการผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมในพื้นที่ โดยกำชับผู้ประกอบการ/ผู้จัดการสถานที่ว่าเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการ/ผู้จัดการสถานที่ ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว อาจมีความผิดตามกฏหมายและถูกสั่งปิดสถานประกอบการ/สถานที่นั้น 2. ประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้าใช้บริการสถานประกอบการ/สถานที่ ให้ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด และ 3. กำชับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้กำกับติดตาม และบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดชุดเคลื่อนที่ไปสุ่มตรวจเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง