“พรเพชร” ระบุ ส.ว.รู้หน้าที่ล้วงลูกพรรคการเมืองไม่ได้ “สิงห์ศึก” ชี้ ไม่มีใครกล้า เพราะ รธน.ห้าม ส.ว.จุ้น “สมเจตน์” ฉะ ข่าวเคลื่อนไหวเปลี่ยนหัวหน้า พปชร. บั่นทอนจิตใจผู้นำ “บิ๊กตู่”
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีกระเเสข่าว “เสธ.อ.” ที่เป็น ส.ว. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนตัว นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนเพียงได้ทราบจากการอ่านข่าวเท่านั้น ซึ่งมีการเอ่ยชื่อย่อ ไม่ได้เอ่ยชื่อจริง จึงไม่สามารถบอกได้ว่า ส.ว.ตามชื่อย่อเป็นใคร และ ส.ว.จะไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจริงหรือไม่ ซึ่งวันนี้ตนก็ได้มีการสอบถามไปบ้างในเบื้องต้น แต่ปรากฏว่า ก็ยังไม่มีใครรับว่าไปพูดจาอะไรตามที่เป็นข่าว ตอนนี้ ส.ว.อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม จึงไม่ค่อยได้พบปะบรรดาสมาชิก ต่างคนต่างเเยกย้ายกันทำงานตามหน้าที่เท่าที่ทำได้
เมื่อถามว่า จะต้องมีการตักเตือนหรือไม่ เพราะขณะนี้สังคมวิจารณ์ว่า ส.ว.เข้าไปล้ำเส้นงานพรรคการเมืองของ ส.ส. นายพรเพชร กล่าวว่า เรารู้หน้าที่ของตนเองอยู่เเล้ว ถึงขอบเขตการทำหน้าที่ ก็ขึ้นอยู่กับสังคมจะวิพากษ์วิจารณ์โดยขณะนี้แม้ปิดสมัยประชุม แต่ ส.ว.ได้ทำโครงการ “วุฒิสภารวมใจสู้ภัยโควิด-19” โดยพยายามทำงานเพื่อสังคมเป็นหลัก และเรากำชับกันตลอดให้ระมัดระวังเรื่องจะไปบังคับ จูงใจทางคนในรัฐบาล หรือไปแทรกแซงสั่งการอันนี้เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าทำไม่ได้ ทั้งนี้ รอให้เปิดสมัยประชุมก่อนถึงจะได้พูดคุยกัน ตนทราบเพียงจากข่าว ยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็น ส.ว.คนไหน และมีจริงตามข่าวหรือไม่ เพราะไม่ได้มีใครออกมายอมรับหรือปฏิเสธ ตนยืนยันไม่นิ่งเฉย กำลังดูอยู่ ถ้ามีตัวตนเเน่นอนว่าเป็นใครก็คงจะต้องพูดคุยกัน
ด้าน พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธาน ส.ว.คนที่ 1 กล่าวว่า ตนทราบจากข่าวว่า มี ส.ว. ที่ถูกระบุชื่อว่า “เสธ.อ้น” ซึ่งท่านก็ออกมาปฏิเสธแล้ว เมื่อถามว่า แม้จะออกมาปฏิเสธแต่สังคมยังคาใจอยู่ ทำให้ภาพพจน์ ส.ว.เสียหายหรือไม่ พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องส่วนตัว การที่ ส.ว.จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองคงเป็นเรื่องลำบาก เพราะตามรัฐธรรมนูญ ก็ห้ามอยู่แล้วว่าไม่ให้ส.ว.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองใดอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้น คงไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ขณะที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ว่า จะมี ส.ว.ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่อยากพูดว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเมือง ทุกคนทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ต้องร่วมหันหน้าเข้าหากัน ร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ปัญหาโควิด-19 ผ่านพ้นไปให้ได้ เนื่องจากวิกฤตข้างหน้าของประเทศ เราจะทำอย่างไรให้เกิดการแก้ปัญหาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง และการเจ็บไข้ได้ป่วย ที่สำคัญ จะทำอย่างไรให้การเยียวยาของรัฐ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วเข้าถึงกลุ่มผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง เพราะวันนี้ยังมีคนที่เดือดร้อนจริงๆ แต่กลับยังไม่ได้รับการเยียวยา ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลควรจะงดเว้นเรื่องการเมือง เพื่อร่วมมือกันสู้โควิด-19 แม้แต่คำแนะนำของฝ่ายค้าน ถ้าไม่ใช่คำแนะนำที่เป็นไปในลักษณะเล่นการเมือง โดยเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงรัฐบาลก็ควรจะฟัง อย่างไรก็ตาม เรื่องการเคลื่อนไหวเปลี่ยนตำแหน่งต่างๆ ในขณะนี้ ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่การกระทำหรือหนทางที่จะนำไปสู่การฝ่าวิกฤตของประเทศในขณะนี้ และแทนเรื่องในลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับฝ่ายค้าน แต่กลายเป็นเกิดขึ้นกับฝ่ายรัฐบาลเสียเอง ซึ่งบั่นทอนจิตใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อย่างยิ่ง แทนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ใช้เวลาเพื่อคิดแก้ปัญหาเพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 แต่กลับต้องไปใช้เวลากับปัญหาภายในพรรคการเมืองแกนนำซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลด้วย