เลขาฯ สมช.เผยเอาจริง หากผ่อนปรนระยะแรกไม่ได้ผล ทุกอย่างจบ กลับมาคงมาตรการเดิมทั้งหมด รับบินในประเทศได้ แต่ขอให้แต่จำเป็น ย้ำขอให้ทำงานที่บ้านต่อ แจงมีโควตาแต่ละวันให้ต่างด้าวเข้าไทย
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ในการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการและข้อกำหนดต่างๆ รวมทั้งเรื่องของการจำหน่ายเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในส่วนของ สมช.จะมีการพูดคุยและหารืออีกครั้งกับทางกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อออกเป็นประกาศทั้งประเทศให้ทราบทั่วกันในช่วง 2-3 วันนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวปฏิบัติและความร่วมมือในทุกภาค ส่วนโดยเฉพาะจากภาคประชาชนและภาคธุรกิจเอกชน โดยทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงสุขภาพอนามัยปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาคเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน
“ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องมีการประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน โดยในระยะที่ 1 ที่กำหนดไว้ช่วงเวลา 14 วันนั้น เมื่อถึงประมาณวันที่ 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ สมช.จะมีการประเมินว่าการดำเนินการในระยะแรกนั้นมีทิศทางเป็นอย่างไร หากไม่ได้ผล กลับมีผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มอีกก็จบ ไม่ต้องมาพูดถึงระยะที่ 2-3-4 หรือแม้แต่ระยะที่ 1 ก็อาจจะต้องยกเลิก แต่ถ้าสถานการณ์และคิดทางการแพทย์ ระบาดของเชื้อโรคมีแนวโน้มที่ดีขึ้นก็จะดำเนินการในระยะต่อไปได้ แต่ทั้งหมดจะต้องมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ” เลขาฯ สมช.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันในส่วนของสายการบินต่างๆ สามารถบินได้ตามปกติแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ในเรื่องของการบินภายในประเทศ ขอย้ำว่าการเดินทางภายในประเทศยังไม่ได้มีการผ่อนปรนมากนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะห้าม และขอให้จำกัดหรือเรื่องการเดินทางเพื่อนย้ายข้ามจังหวัดหากไม่จำเป็น ทั้งนี้ ในการขึ้นเครื่องบินโดยสารจะต้องมีมาตรการรองรับเช่นการทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร การเว้นระยะห่าง การไม่เสิร์ฟอาหารในอากาศยาน
เมื่อถามถึงมาตรการการทำงานที่บ้าน หรือ work from home ที่ภาครัฐต้องการให้อยู่ที่ตัวเลข 50% แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าหน่วยงานต่างๆ เริ่มทยอยออกมาทำงานกันบ้างแล้ว สาเหตุเพราะผู้ติดเชื้อลดลง รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ยังคงเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศให้ส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งภาคเอกชนยังคงปฏิบัติในเรื่องการทำงานที่บ้านต่อไป จึงขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนยังคงทำในลักษณะนี้ต่อไป
เมื่อถามว่าขณะนี้เริ่มมีการผ่อนปรนในมาตรการต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้มีคนทะลักเข้ามาทางด่านต่างๆ ตามแนวชายแดนมากขึ้นทั้งคนไทย และแรงงานต่างด้าว จะมีมาตรการจำกัดปริมาณคนอย่างไร เลขาฯ สมช.กล่าวว่า เรื่องคนไทยกลับประเทศนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่อำนวยความสะดวกให้แก่คนไทยกลับประเทศให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางอากาศหรือทางบก แต่จำเป็นจะต้องทำให้สอดคล้องกลับขีดความสามารถทั้งในเรื่องของ State Quarantine และ Local ก็ต้องมีการบริหารจัดการ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเรายินดีที่ต้อนรับคนไทยและอำนวยความสะดวกในการจับเข้ามาตามขีดความสามารถที่มีกรณีของแรงงานต่างด้าว เช่น ฝั่งมาเลเซีย ปัจจุบันก็มีการทะลักเข้ามาซึ่งเราพยายามอำนวยความสะดวก แต่ก็จำกัดจำนวนให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ วันละ 350-400 คน แต่เชื่อว่าในระยะยาวสถานการณ์ในประเทศดีขึ้น และทางมาเลเซียเองก็ดีขึ้นเรื่องการทะลักเข้ามาก็น่าจะน้อยลง
“กรณีของแรงงานต่างด้าวที่จะเดินทางกลับเข้ามา เราก็จะมีมาตรการเช่นเดียวกัน โดยเมื่อเข้าสู่ชายแดนจังหวัดไหนจังหวัดนั้นก็จะต้องกักตัว 14 วันตามมาตรฐานปกติ โดยโควตาทางบกเราอนุญาตให้เข้ามาวันละ 350-400 คน โควตาทางอากาศวันละ 200 คน การจะเพิ่มหรือลดขึ้นอยู่กับความสามารถในการกักตัว 14 วัน ถ้าสถานที่กักกันตัวเรามีมากขึ้นก็ยินดีที่จะให้โควตาเพิ่มขึ้น” เลขาฯ สมช.กล่าว