“เผ่าภูมิ” รองเลขาฯ เพื่อไทย เปรียบเศรษฐกิจยุคโควิดเหมือนตกเหว 3 ระยะ เตือนรัฐหยุดแช่แข็งประเทศเกินจำเป็น หวั่นปิดเมืองนาน หลายมาตรการรองรับไม่ไหว
วันนี้ (25 เม.ย.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่รัฐบาลจะต่ออายุการบังคับใช้พระราชกำหนดบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.ต่อไป และยังคงใช้มาตรการแช่แข็งประเทศ หรือปิดเมืองต่อไปด้วย โดยระบุว่า การปิดเมืองเสมือนการผลักให้เศรษฐกิจตกเหว ซึ่งความลึกก้นเหวขึ้นอยู่กับระยะเวลา และความรุนแรงของการปิดเมือง ทั้งนี้ สามารถแบ่งการตกเหวและแนวทางการรับมือ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1. ตกเหวหรือระยะปัจจุบัน เป็นภาวะที่ธุรกิจน้อยใหญ่ รวมถึงแรงงานได้รับแรงกระแทกจากการหยุดผลิต หยุดจ้างงานในวงกว้าง ในช่วงนี้เป็นปัญหาที่ด้านอุปทาน มาตรการในช่วงนี้ก็ต้องเป็นเพื่อลดความเสียหายของภาคอุปทาน คือ ป้องกันการล้มตายของธุรกิจ การตกงานจำนวนมหาศาลของแรงงาน และการลามถึงระบบการเงิน เหมือนการส่งเชือกช่วยคนที่กำลังหล่นลงเหว เพื่อทำให้ธุรกิจล้มน้อยที่สุด คนตกงานน้อยที่สุด การกระตุ้นเศรษฐกิจกระตุ้นกำลังซื้อยังไม่ใช่ในระยะนี้ นี่ยังไม่ใช่เวลาของภาคอุปสงค์ แต่ต้องเป็นการรองรับภาคอุปทานให้อยู่รอด และประชาชนไม่อดตาย
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ระยะที่ 2 คือ ก้นเหว หรือจุดต่ำสุด ตราบใดที่ยังปิดเมืองอยู่ ก็ยังไม่ถึงก้นเหว ยิ่งปิดนาน ก้นเหวยิ่งลึก ธุรกิจและแรงงานในธุรกิจ ก็จะหล่นจากที่สูงแรงขึ้น จะตายเกลื่อนมากขึ้น และการฟื้นตัวจะยิ่งยากเป็นทวีคูณ ตรงนี้คือหัวใจ ในปัจจุบัน มาตรการเข้มงวดทางสาธารณสุข น่าจะเข้ามาแทนที่ “มาตรการเข้มงวดทางเศรษฐกิจ” ได้แล้ว ทั้งนี้ ลักษณะของการฟื้นตัว จะขึ้นอยู่กับว่าก้นเหวมันลึกขนาดไหน เราปิดเมืองนานขนาดไหน และสภาพที่ก้นเหวล้มตายกันมากขนาดไหน หากก้นเหวไม่ลึก การฟื้นตัวจะเร็วเป็นฟื้นแบบตัว V หากเหวลึก มาตรการต่างๆ รองรับไม่ไหว จะฟื้นแบบตัว U ซึ่งใช้เวลานาน หรือถ้าธุรกิจตายเกลื่อน ลามถึงระบบการเงิน ก็แย่เลย อาจไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย หรือเป็นแบบตัว L
รองเลขาฯ พท. กล่าวต่อถึงระยะที่ 3 ว่า ปีนขึ้นจากเหว หรือระยะฟื้นตัว ระยะนี้ ภาคอุปสงค์จะกลับมาเป็นหัวหอกในการฟื้นตัว เรื่องของกำลังซื้อ จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในช่วงนี้ มาตรการต่างๆ จะต้องเป็นในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อ ให้คนมาจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว ให้คนกลับมาทำมาหากิน ภาคธุรกิจจึงจะมีอุปสงค์มารองรับอุปทานที่เริ่มฟื้นตัว
“แต่รัฐบาลพึงระลึกเสมอว่าการกระตุ้นภาคอุปสงค์จะไร้ค่า หากภาคอุปทานตายกันหมด ในระยะที่ 1-2 ดังนั้น หัวใจมันอยู่ที่ความลึกของเหวและมาตรการที่รองรับระหว่างการตกเหว หากเหวลึกมาก ปิดเมืองนาน มาตรการต่างๆ ไม่มีทางรับไหว ซึ่งตรงนี้อันตราย จึงอยากเรียกร้องต่อรัฐบาลอย่าทำก้นเหวให้ลึกเกิน ด้วยการแช่แข็งประเทศไปเรื่อยๆ เกินความจำเป็นเลย” นายเผ่าภูมิ กล่าว