“ประวิตร” สั่ง กนช.เร่งกำจัด “ผักตบชวา“ ก่อนน้ำหลากฤดูฝน แนะใช้ภาพดาวเทียมช่วย เน้นบูรณาการทำงาน “ชมรมคนริมน้ำ“ ร่วมมือรัฐแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ ป้องกันน้ำท่วม ควบคู่กักเก็บน้ำและใช้ประโยชน์จากผักตบชวา
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมจัดทำแผนการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อเตรียมการรองรับน้ำหลากในฤดูฝน ครั้งที่ 1/2563 ณ ห้องประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ อาคารจุฑามาศ ถ.วิภาวดีรังสิต สำยักงานทรัพยากรแห่งชาติ (สทนช.)
ภายหลังการประชุม พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินการกำจัดผักตบชวา และวัชพืชทั่วประเทศ ตั้งแต่ ต.ค. 62 ถึง มี.ค. 63 โดยมีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในภาพรวม และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบอื่นๆ ได้แก่ กรมชลประทาน, กรมเจ้าท่า, กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง สามารถกำจัดได้แล้วรวมทั้งสิ้น 989,922 ตัน
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาประเด็นจากการประชุม กนช. เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา โดยให้นำข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ที่แสดงถึงการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำ และแหล่งน้ำจำนวน 25 จุด โดยมีการแบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบ ให้หน่วยต่างๆ ดังนี้ กรมชลประทาน 13 จุด, กรมเจ้าท่า 4 จุด, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 5 จุด และกรมโยธาธิการและผังเมือง 3 จุด พร้อมทั้งให้มีการรายงานผลการปฏิบัติให้ กนช.ทราบโดยเร็ว
“พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ กรมโยธาธิการและผังเมือง หน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมทั้ง ผู้ว่าฯในพื้นที่ทุกจังหวัด กำชับหน่วยงานในกำกับให้เร่งรัดการดำเนินงานทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ในการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ เรือท้องแบน และประสานภาคประชาชน ชมรมคนริมน้ำ ร่วมสนับสนุนด้วย” พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าว
พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ทุกหน่วยมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน ภายใต้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสามารถรองรับปริมาณน้ำหลากฤดูฝน ให้ไหลลงสู่ทะเลได้สะดวก รวดเร็ว ป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน ได้อย่างทันท่วงที ในขณะเดียวกัน ต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้ ให้ได้มากที่สุด รวมถึงการนำผักตบชวาไปใช้ประโยชน์ด้วยต่อไป โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นความห่วงใยที่สำคัญของรัฐบาล