นายกฯ แจงเงินกู้ 1 ล้านล้าน ต้องพิจารณารอบคอบ เคร่งระเบียบถูกทุกตัวกฎหมาย เท่าที่จำเป็น เพื่อ 3 งานหลัก “สาธารณสุข-เยียวยา-ฟื้นฟู” ผลกระทบโควิด-19 ให้แต่ละกระทรงเสนอโครงการเข้า ครม.โดยเร็ว
วันนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สิ่งสำคัญ ครม.ได้หารือมาตรการรองรับวิกฤตการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องหลัก ในเรื่องอื่น เป็นการทำงานตามกรอบของแต่ละกระทรวง โดยตนได้เน้นย้ำแต่ละกระทรวงให้ดำเนินการขับเคลื่อนในทุกมิติ ทุกกระทรวง ทั้งในงานในหน้าที่และงานที่ศูนย์ ศบค.ได้มีมติดำเนินการออกไปแล้ว ขอให้ทุกกระทรวงนำไปขับเคลื่อนด้วย สิ่งที่อยากเรียนให้ทราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชกำหนดฉบับต่างๆ เรียบร้อยแล้ว โดย พ.ร.ก.ที่สำคัญคือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคาม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พ.ศ. 2563 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ การแก้ด้านสาธารณสุข เยียวยาและฟื้นฟู โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ ครม.เห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยมีในส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิ และระเบียบการใช้เงินต่างๆ ต่อไปต้องพิจารณาให้เป็นไปตามระเบียบและทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด อย่างรอบคอบและจำเป็น โดยให้กระทรวงนำแผนงานและโครงการต่างๆ เข้า ครม.ครบถ้วนในโอกาสต่อไปให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันสถานการณ์ ทั้งนี้ มาตรการสาธารณสุข มาตรการเยียวยา ซึ่งตนฟังเสียงรอบด้านจากประชาชนทุกภาคส่วนและมอบให้ส่วนราชการไปพิจารณาให้ถูกต้องและเหมาะสม
นายกฯ กล่าวว่า รวมถึง 2 พ.ร.ก.คือ พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 เป็นหน้าที่ธนาธาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ร่วมกันจัดตั้งกองทุนรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ จำนวน 4 แสนล้านบาท และพ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดย ธปท.มีอำนาจให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงินวงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ตนสั่งการได้ให้กระทรวงการคลังหารือกับ ธปท.ดำเนินการด้วยความรอบคอบ และรับข้อสังเกตจากทุกภาคส่วน รวมถึงจากผู้ประสบการณ์มาประกอบในการทำงานด้วย
