“สิระ” สายเปย์ ลุยแจกข้าวสาร 10,000 ถุง หวังช่วยแบ่งเบาภาระ ปชช.ในยามวิกฤต วอน ทุกฝ่ายช่วยกัน อย่าคิดว่าจะทำเพื่อหาเสียง แขวะ “ป้าหน่อย” หยุดเล่นเกมการเมือง สร้างความแตกแยก
วันนี้ (15 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่เขตหลักสี่ เคหะบางบัว นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่แจกข้าวสารจำนวน 10,000 ถุงๆ ละ 5 กิโลกรัม ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ และวินมอเตอร์ไซค์ที่รายได้จากการหาเลี้ยงชีพลดลงอย่างมาก ซึ่งจะให้ครอบครัวละ 1 ถุง โดยมีประชาชนมารับข้าวสารจำนวนมาก แต่ขั้นตอนในการแจกยังเป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19
โดย นายสิระ กล่าวว่า ข้าวสารที่นำมาแจกประชาชนในวันนี้ เป็นการร่วมกันของตนและกลุ่มเพื่อนๆ ที่
ตนเคยชวนเพื่อนๆ ที่พอมีทุนทรัพย์ ที่อยากจะช่วยเหลือเยียวยาประชาชน โดยการแบ่งเบาภาระของประชาชนได้บ้าง ในยามที่ประเทศเกิดวิกฤต สาเหตุที่ต้องชวนบุคคลอื่นๆ มาร่วมกัน เพราะระเบียบของ กกต.กำหนดให้ ส.ส.ใช้งบประม่ณในการช่วยเหลือประชาชนได้เพียง 300,000 บาท หากเกินกว่านั้นก็ต้องนำไปหักในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งหาก กกต.ได้ปลดล็อกระเบียบตรงนี้ ตนก็พร้อมจะเดินหน้าช่วยเหลือประชาชยอย่างเต็มที่
“ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ อยากจะทำให้เต็มที่จากเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน ที่ประชาชนจ้างผมไปทำหน้าที่ ขอให้อย่าคิดว่าการทำหน้าที่ตรงนี้เป็นการหาเสียง เพราะกว่าจะเลือกตั้งอีก 3 ปี ไม่มีประโยชน์ที่ต้องมาหาเสียงในตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลา แต่ที่ลุกขึ้นมาทำ เพราะเชื่อว่าประชาชนกำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ถ้าผมยังนิ่งนอนใจ ไม่ใส่ใจก็ถือว่าเป็น ส.ส.ที่ไม่มีจิตสำนึก” นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวต่อว่า ในส่วนเงินเยียวยาจากรัฐบาล หากชาวบ้านในพื้นที่มีปัญหาในการรับเงิน หากใครทำไม่เป็น ต้องการทำเรื่องอุทธรณ์ก็ขอให้ติดต่อมาที่ตน ตนจะดำเนินเรื่องให้ ในส่วนของประชาชนที่ยังต้องการความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ที่ตนยังไม่ทราบถึงปัญหา ก็ขอให้แจ้งตนโดยตรงได้ที่บ้านเรือนไทย ตนอยู่ที่นั่นทุกวัน พร้อมที่รับใช้ประชาชน โดยจะไม่ทิ้งกันอย่างแน่นอน
จากนั้น นายสิระ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่เขตหลักสี่วานนี้ของ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ว่า ในขณะนี้ประเทศเกิดวิกฤตจากโรคระบาด เพราะฉะนั้นสังคมต้องการคนเสียสละ ไม่ใช่การทำงานเพื่อหวังผล ตีกันทางการเมือง มันหมดยุคการทำการเมืองแบบโบราณเช่นนี้แล้ว ตนขอให้ป้าสุดารัตน์หยุดพฤติกรรมเช่นนี้ การลงพื้นที่คือการช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงใจ ไม่ใช่มาทำการเมืองหาเสียง ในที่สุดแล้วพฤติกรรมของป้าสุดารัตน์จะถูกประชาชนตัดสินเอง