“สิระ” อัดกลับ “ยงยศ” ดึงสติ แยกเรื่องขออุปกรณ์กับเรื่องเงินออกจากกัน เย้ย ถึงเป็น ส.ส.สมัยแรกก็มีจิตสำนึก ไม่เคยขอเพิ่มเงินให้ตัวเอง เผย กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน บางส่วนไม่เห็นด้วยที่ถูกเหมารวมไปขอเพิ่มเงิน 5,000 บาท
วันนี้ (13 เม.ย.) นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย ออกมาตอบโต้หลังจากที่ได้แสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการขอเพิ่มเงินเดือนค่าเสี่ยงโควิด-19 ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ว่า คนเหล่านี้รับเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน และขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อน ไม่มีข้าวจะกิน ขอถามจิตสำนึกอีกครั้งหนึ่งว่าควรจะทำอย่างไร ยังคิดอยากจะขอเพิ่มเงินเดือนอีกหรือ ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่จะมีการตั้ง อบต. และเทศบาลขึ้นมา เจตนารมณ์คือต้องการยกเลิกผู้ใหญ่บ้าน แต่พอจะยกเลิกก็มีการเรียกร้องให้อยู่ต่อ แล้วตอนนี้ประชาชนเดือดร้อน ยังจะมาเรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น มันถูกต้องหรือไม่ ซึ่งกำนันผู้ใหญ่บ้านนั้นเป็นข้าราชการที่ต้องทำตามหน้าที่อยู่แล้ว และขณะนี้ไม่มีองค์กรอื่นที่มาเรียกร้องแบบนี้ มีแต่ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องให้มีการเพิ่มสวัสดิการ เพิ่มเงินเดือนให้บุคลากรทางการแพทย์ แต่กำนันผู้ใหญ่บ้านกลับออกมาเรียกร้องเพิ่มค่าตอบแทนให้ตนเอง เรื่องนี้จึงขอให้ประชาชนและสังคมเป็นผู้ตัดสินว่าควรจะมีกำนันผู้ใหญ่บ้านต่อไปหรือไม่ หรือควรจะเลือกตั้ง 4 ปีเหมือนกับ ส.ส. หรือไม่
“นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย ต้องแยกประเด็น ดึงสติกลับมา การที่คุณจะออกมาร้องขออุปกรณ์ป้องกันในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครต่อว่าคุณ เพราะถือเป็นสิ่งจำเป็นที่บุคคลากรที่ต้องทำหน้าที่คัดกรองประชาชนต้องใช้ แต่การเรียกร้องขอเงินเพิ่ม 5,000 บาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ มันคนละเรื่อง ตนไม่ขอโต้เถียงอะไรด้วย และเชื่อประชาชนที่รับข่าวสารเขาจะตัดสินเองว่าการกระทำของคุณมันถูกต้องหรือไม่” นายสิระ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายยงยศ กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.สมัยแรกนั้น นายยงยศกล่าวได้ถูกต้อง แต่ตนเชื่อว่า ตนมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ของตนอยู่เสมอ และไม่เคยขอเพิามเงินให้ตัวเอง การที่ตนออกมาตำหนิการขอเพิ่มงบของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ใช่เป็นการโชว์กร่าง แต่ตนต้องการพูดแทนประชาชนและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอีกหลายคนที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ถูกเหมารวมไปหมด เพราะเมื่อวานมีกำนันผู้ใหญ่บ้านหลายคนติดต่อมาที่ตนบอกว่า เขาไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น แต่เขาต้องการทำงานให้ประชาชนด้วยความสุจริตใจ ซึ่งพวกเขาไม่ทราบว่ามีการขอเพิ่มค่าตอบแทน และยืนยันว่ามีคนแค่กลุ่มเดียวเท่านั้นที่เรียกร้องขอเพิ่มค่าตอบแทน ไม่ใช่ทั้งหมด