รองโฆษกรัฐบาล แถลง ครม.เห็นชอบเป็นภาคีพิธีสารป้องกันมลภาวะทางทะเล-กฎหมายป้องมลพิษทางทะเล ห้ามเทของเสีย-วัสดุอื่น ฝ่าฝืนปรับ-ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน พร้อมค่าใช้จ่ายขจัดมลพิษ
วันนี้ (7 เม.ย.) เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีพิธีสาร ค.ศ. 1996 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลภาวะทางทะเล เนื่องจากการทิ้งวัสดุเหลือใช้และวัสดุอย่างอื่น ค.ศ. 1972 หรือพิธีสารลอนดอน ค.ศ. 1966 และอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. การป้องกันมลพิษทางทะเลเนื่องจากการทิ้งเทของเสีย หรือวัสดุอื่นลงทะเล พ.ศ. .... เพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคีพิธีสาร ค.ศ. 1966 เนื่องด้วยพิธีสารลอนดอน ค.ศ. 1996 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกลไกในการควบคุมการทิ้งเทลงทะเล โดยห้ามทิ้งเทของเสียและวัสดุอย่างอื่นจากเรือ อากาศยาน แท่นหรือสิ่งก่อสร้างอื่น ที่มนุษย์สร้างขึ้นในทะเล โดยปัจจุบันมีรัฐภาคีจำนวน 53 ประเทศ การที่ไทยควรเข้าเป็นภาคีพิธีสารดังกล่าว เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ซึ่งมีการระบุให้รัฐภาคีออกกฎหมายและข้อบังคับเพื่อป้องกัน ลด และควบคุมมลภาวะ ของสิ่งแวดล้อมทางทะเลจากการทิ้งเท และเป็นการยกระดับกฎหมายภายในของไทย ในเรื่องการทิ้งเทลงทะเลให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ และในการอนุมัติการพิธีสารนั้นต้องออก พ.ร.บ. เพื่อให้สามารถรองรับพันธกรณีตามที่พิธีสารฯ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. การป้องกันมลพิษทางทะเลเนื่องจากการทิ้งเทของเสียหรือวัสดุอื่นลงทะเลนั้น กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันมลพิษทางทะเล เนื่องจากการทิ้งเทของเสีย หรือวัสดุอื่น โดยมี รมว.คมนาคม เป็นประธาน โดยมีบทกำหนดโทษมาตรการทางปกครอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ส่วนมาตรการทางแพ่ง ให้ศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหายอันเป็นการลงโทษทางแพ่งเพิ่มเติมจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริง ที่ศาลกำหนดได้ตามที่เห็นสมควร หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ทิ้งเทหรือเผารู้อยู่แล้ว ว่า ของเสียหรือวัสดุอื่นนั้นเป็นของที่ไม่ปลอดภัย หรือมิได้รู้เพราะความประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง หรือเมื่อรู้ว่าไม่ปลอดภัยภายหลังทิ้งเทนั้นแล้วไม่ดำเนินการใดๆ ตามสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ผู้กระทำการฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับและต้องชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายในการขจัดมลพิษที่เกิดขึ้น