“ส.ส.ภูมิใจไทย” ปักหลักในพื้นที่ ช่วยชาวบ้านสู้วิกฤต”โควิด-19” ทุกรูปแบบ ให้ความรู้-แจกอุปกรณ์-ทำเพจตลาดออนไลน์ช่วยปชช.ขายของ
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการทำงานของพรรคภูมิใจไทยในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ว่า ช่วงที่ผ่านมาส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยทุกคนโดยเฉพาะส.ส. เขต ทั่วทุกภาค ต่างปักหลักในพื้นที่ของตัวเอง ช่วยเป็นอีกแรงในการดำเนินการตามมาตรการที่ทางรัฐบาลประกาศออกมา รวมทั้งยังให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิดฯ ซึ่งมีทั้งเป็นตัวกลางประสานงานกับภาครัฐเพื่อนำไปสู่ความเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดของตัวเอง รวมถึงการช่วยเหลือเบื้องต้นที่ ส.ส.ดำเนินการได้เอง เช่น การแจกจ่ายหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมถึงอาหารเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในช่วงวิกฤตผ่านไปได้ด้วยดี ยกตัวอย่าง นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น ก็ได้นำหน้ากากผ้าบัฟฟ์ ออกแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตพื้นที่ของตัวเอง
ขณะที่ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองได้ช่วยประสานงานกับหน่วยราชการ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด เกี่ยวกับนโยบายการปิดเมืองหรือการควบคุมโรค ก็ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กัน เพื่อนำมาปรับใช้ในพื้นที่จังหวัดของเรา นอกจากนี้เราได้มีการประสานกับภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆ ในเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ชุดป้องกันเชื้อโรค ที่ครอบเครื่องช่วยหายใจ ส่วนตัวก็ได้นำผ้าขาวม้าประกบกับผ้าสาลูอีก 3 ชั้น เพื่อทำเป็นหน้ากากแจกจ่ายให้กับประชาชนตามตลาดนัดที่คนมาซื้อของ รวมทั้งยังได้สนับสนุนเครื่องวัดไข้ไปตามโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในเขตพื้นที่ต่างๆ และช่วงที่ผ่านมาตนกับเพื่อน ส.ส.ในพรรคได้ร่วมกันทำเพจเฟสบุคตลาดซื้อขายออนไลน์ให้กับประชาชนตามตลาดที่เขาต้องปิดร้าน เพื่อให้สามารถซื้อขายกันได้จริงโดยไม่ต้องตั้งร้านภายในพื้นที่เขต หรือจังหวัดของตัวเอง ตอนนี้ก็ได้เริ่มที่ จ.อ่างทอง ราชบุรี สตูล และศรีสะเกษ
ด้านนายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ในพื้นที่ตนเองมีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดฯ ประมาณ 2-3 ราย และกำลังอัพเดทว่าจะมีเพิ่มหรือไม่ ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้สิ่งที่ตนเน้นมากก็คือการติดตามกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า เพราะเขาต้องเจอกับคนมากมาย ทำให้มีความเสี่ยงสูง เบื้องต้นตนได้นำสเปร์ยฉีดล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อ หน้ากากอนามัย ผ้าบัฟฟ์ ไปแจกจ่ายให้กับชุมชนตามตลาด เนื่องจากพ่อค้า แม่ค้า บางคนยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ดังนั้นตนเองจึงต้องลงพื้นที่ตลาดหนักหน่อย นอกจากจะให้สิ่งของป้องกันกันแล้ว ยังจะได้ช่วยให้ความรู้ความเข้าใจ ให้เขาตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันตัวเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย
“สเปร์ยฆ่าเชื้อสำหรับล้างมือ ผมลงพื้นที่ไปแจก จะบอกชาวบ้านเลยว่าฉีดได้เต็มที่เลยไม่ต้องกลัวหมด เพราะหมดแล้วไปเติมได้ เพราะผมได้ตั้งจุดเติมไว้ที่ส่วนราชการ เช่น อบต. สถานีอนามัย ผมอยากให้ทุกคนปลอดภัย รณรงค์ให้เขาฉีดบ่อยๆ ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากด้วย” นายยศวัฒน์ กล่าว
ขณะที่นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เมื่อเริ่มต้นมีข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ตนเองได้เข้าประสานงานกับทางราชการทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุข เพื่อที่จะได้จัดหาเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ในการตรวจสอบมาเพิ่มที่ด่านพรมแดนถาวรไทย-มาเลเซีย ของจังหวัดสงขลา ประกอบด้วยด่านสะเดา ด่านบ้านประกอบ และด่านปาดังเบซาร์ เพราะเป็นเส้นทางที่เข้าออกระหว่างประเทศที่มีความเสี่ยงที่เชื้อจะเข้ามาได้ นอกจากนี้ยังได้ช่วยประสานในเรื่องการห้ามจัดงานที่จะมีคนมาชุมนุมกันมากๆ โดยเฉพาะงานศาสนพิธีต่างๆ ตนก็เป็นตัวกลางในการอธิบายมาตรการต่างๆของทางจังหวัด นอกจากนี้ได้แจกหน้ากากอนามัย ผ้าบัฟฟ์ ตามชุมชน ตลาด และที่สำคัญคือพระภิกษุท่านไม่มีหน้ากากใช้เลย ตนจึงได้นำไปถวายตามวัดต่างๆ
“เครื่องป้องกันที่แจกผมจะบอกเสมอว่ามันสำคัญมาก ขอให้ใช้จริงๆ ไม่ใช่เอาไปเก็บ เพราะเราไม่รู้ว่าเชื้อมันมาถึงไหนแล้ว ดังนั้นป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุด รวมทั้งผมยังทำคลิปนำเสนอข้อมูลต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น มาตรการพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะผมไม่ต้องการให้คนแชร์ข่าวข้อมูลที่ไม่เป็นจริง หรือFake news เพราะมันเกิดผลเสียผลกระทบตามมามากจริงๆ” นายณัฏฐ์ชนน กล่าว
นายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตไวรัสโควิดฯ อย่างนี้ ตนเองแม้จะเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ก็ถือว่าโตมาจากพื้นที่ ดังนั้นช่วงนี้จึงอยู่พื้นที่ จ.มหาสารคามตลอด ที่ผ่านมาตนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการแจกหน้ากากอนามัย และที่สำคัญคืออาหารการกิน โดยเฉพาะผักสด รวมถึงอาหารอีสาน เช่น ปลาร้าบอง ตนเองได้จัดหามาให้พี่น้องประชาชน เพราะส่วนใหญ่เขาไม่อยากออกจากบ้าน อีกทั้งร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่ก็ปิดหมด ทำให้ชาวบ้านหาซื้อยาก ซึ่งเท่าที่ตนสัมผัสพี่น้องประชาชนค่อนข้างที่จะตื่นตัวในการระวังป้องกันมาก.