xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” เสนอดัน “บิ๊กป้อม” หัวหอกคุม ศอฉ. ชู 3 ป.ผนึกกำลังปราบโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เทพไท” เสนอดัน “บิ๊กป้อม” หัวหอกคุม ศอฉ. ชู 3 ป.ผนึกกำลังปราบโควิด-19 แต่อย่าปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ปชช.ในการแสดงความเห็นทางการเมือง

วันนี้ (25 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีผลการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และรัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ตามมาตรา 6 ที่บัญญัติไว้ “ให้มีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินคณะหนึ่ง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ” ซึ่งจากบทบัญญัติดังกล่าวนายกรัฐมนตรีอาจจะแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง หรือตัวนายกรัฐมนตรีสามารถที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ ศอฉ.ด้วยตนเองก็ได้ แต่ถ้าหากต้องการจะแบ่งความรับผิดชอบให้รองนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 6 ก็ควรจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว เป็นพี่ใหญ่ของกองทัพ เป็นผู้จัดการรัฐบาล เป็นผู้มีบารมีตัวจริง มีประสบการณ์ในฐานะเคยเป็นกรรมการ ศอฉ.เมื่อปี 2553 มาก่อน สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

“พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้ง 3 ท่านนี้ก็เคยเป็นกรรมการ ศอฉ.มาก่อนทั้งสิ้น จึงไม่น่าเป็นห่วงสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ ศอฉ.โควิด-19 ในครั้งนี้ แต่สถานการณ์ และเงื่อนไขของ ศอฉ.อาจจะแตกต่างกันตรงที่ ศอฉ.เมื่อปี 2553 มีหน้าที่ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง แต่ ศอฉ.ปี 2563 มีหน้าที่ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งบริบทของการบริหาร ศอฉ.อาจจะแตกต่างกันระหว่างเรื่องการเมืองกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน จะต้องไม่ปิดกั้น หรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมืองที่เห็นต่างจากรัฐบาล” นายเทพไทกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น