สำนักแพทย์สภาฯ เผย 25 ขรก.รัฐสภา เสี่ยงติดโควิด-19 หลังฝึกอบรมร่วมกับนายก อบจ.แปดริ้ว หวั่นแพร่เชื้อ แต่เลขาสภายังไม่สั่งกักตัว
วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา แจ้งว่า น.ส.รุ่งนภา ขันธีโชติ ผู้อำนวยการสำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา พร้อมด้วย นางภัชรากร บุญรักษ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 18 มี.ค. เกี่ยวกับการคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในบุคลากรกลุ่มเสี่ยง ว่า ตามที่สำนักพัฒนาบุคลากร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุมัติข้าราชการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 14 คน และข้าราชการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 11 คน เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรนักกฎหมายภาครัฐระดับชำนาญการขึ้นไป รุ่น 27 ที่โรงแรมเอส ดี อเวนิว กรุงเทพฯ จากการฝึกอบรมได้มีการกล่าวอ้างว่ามีข้าราชการสรรพากร จ.ฉะเชิงเทรา เข้ารับฝึกอบรมในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย และมีกระแสข่าวว่า นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเขิงเทรา และ นางสุรวดี เป้าเปี่ยมทรัพย์ ภรรยา และผู้ใกล้ชิดติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้อบรมได้พาญาติ และเจ้าหน้าที่หน้าห้องนายกิตติเข้ามาในสถานที่ฝีกอบรมด้วย
ดังนั้น สำนักบริการทางการแพทย์ เห็นว่า ผู้เข้าฝึกอบรม ซึ่งเป็นข้าราชการสรรพากร จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นผู้มีความใกล้ชิดกับญาติ และเจ้าหน้าที่หน้าห้องของนายกิตติ ถือเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยง แม้ผู้เข้าฝึกอบรมของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะแจ้งต่อบุคลากรของสำนักงานบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา ว่า เจ้าหน้าที่หน้าห้องของนายกิตติไม่ติดเชื้อโควิด-19 ก็ตาม แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลดังกล่าวจะไม่มีเชื้อโควิด-19 แฝงอยู่ จะกว่าจะมีการตรวจคัดกรองเชื้อ และใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าผลการติดเชิ้อเป็นลบ
ดังนั้น สำนักงานบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา ได้ประสานไปยังผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบุคลากร เพื่อประสานไปยังผู้เข้าฝึกอบรมทั้งหมดเข้ารับการคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย ซักประวัติ เบื้องต้น พร้อมรับคำแนะนำปฏิบัติตนเองกับสำนักบริการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นการคัดกรองเบื้องต้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.จนพ้นระยะ 14 วัน จึงสมควรให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 14 คน งดสแกนนิ้ว และให้มาลงลายมือชื่อไป-กลับแทน และให้ทั้ง 14 คน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และแยกตนเองออกมาจากบุคคลอื่นในระยะ 2 เมตร และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ส่วนจะให้ข้าราชการทั้ง 14 คนกักตัวหรือไม่ ต้องเป็นอำนาจของผู้บริหารระดับสูงพิจารณาต่อไป ส่วนข้าราชการของวุฒิสภา 11 คน ได้เข้ามาคัดกรองบ้างแล้ว โดยเลขาสภาผู้แทนราษฎรได้รับทราบในวันเดียวกัน และให้ปฏิบัติตัวตามคำสั่งสำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา แต่ไม่ได้สั่งกักตัวแต่อย่างใด