รมช.สธ.เผยนัดหารือเตรียมแผนรองรับหากคนติดโควิด-19 พุ่งกระฉูด ประสานโรงแรมร่วมเป็นสถานที่รองรับผู้ป่วยไม่รุนแรง ย้ำเปิดตรวจหาเชื้อฟรีแต่ต้องให้แพทย์วินิจฉัย ยันบุรีรัมย์-อุทัยธานีไม่ใช่ปิดจังหวัด
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงแผนการเตรียมการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน ตลอดจนโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และในสังกัดของทหารและตำรวจ สรุปมาตรการร่วมกัน พร้อมย้ำให้โรงพยาบาลทุกแห่งเมื่อรับผู้ป่วยโรคดังกล่าวเข้าทำการรักษาแล้วจะต้องรักษาเขาให้หาย เพราะเชื่อว่าจากนี้ไปจะมีผู้ที่ป่วยโรคนี้จำนวนมากขึ้น โดยที่ผ่านมาเมื่อโรงพยาบาลเอกชนรับผู้ป่วยมาแล้ว หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้นมักส่งต่อมาให้โรงพยาบาลของรัฐทำการรักษาซึ่งสามารถทำได้ในกรณีที่มีผู้ป่วยไม่มาก แต่ขณะนี้ผู้ป่วยโรคดังกล่าวมีจำนวนมากขึ้น จึงต้องย้ำให้โรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลในสังกัดหน่วยงานต่างๆ ต้องรับผู้ป่วยแล้วทำการรักษาอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้โรงพยาบาลเหล่านั้นจะต้องเตรียมการทั้งเรื่องจำนวนห้องสำหรับผู้ป่วยหนัก พื้นที่รวมหลายเตียงที่มีผู้ป่วยโรคเดียวกัน (Cohort Ward) แต่หากยังมีผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจต้องเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งอาจต้องใช้พื้นที่สนามกีฬา ทั้งนี้ มาตรการทั้งหมด เราและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือเรื่องเตรียมการหลายรอบแล้ว และเดินหน้าไปสู่การดำเนินการในเรื่องของบุคลากร พื้นที่ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ สำหรับทุกฝ่ายที่ต้องมาร่วมกันทำงาน อีกทั้ง ตนจะประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ เพื่อหารือถึงการบริหารจัดการดังกล่าว อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ มีอาการไม่รุนแรง มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีอาการหนัก โดยขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายและโรคประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งอัตราการเสียชีวิตในประเทศไทยยังมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์
รมช.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า เรากำลังประสานงานผู้ประกอบการโรงแรมเก่าๆ หรือโรงแรมที่ประสบปัญหาไม่สามารถทำกำไรได้มากพอ มาร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นสถานที่รองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง กรณีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้น หากโรงแรมใดต้องการเข้าร่วมโครงการโรงแรมช่วยชาติ ช่วยแก้ไขวิกฤตโควิด-19 สามารถมาสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยภาครัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ซึ่งทางกระทรวงฯ จะประสานของบกลางมาดำเนินการ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯไปจัดเตรียมสถานที่
รวมถึงจะทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบโรงแรมนั้นๆด้วย ทั้งนี้ เราจะเริ่มประสานงานกับโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่คาดว่าจะมีจำนวนห้องพักทั้งหมดประมาณ 2,000 ห้อง
เมื่อถามว่า มีประชาชนบริเวณรอบโรงพยาบาลบางแห่งที่ถูกเตรียมการไว้ใช้เป็นศูนย์รับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ ออกมาต่อต้าน นายสาธิตกล่าวว่า ต้องช่วยกันทำความเข้าใจ ถ้าเราปฏิเสธปัญหา ไม่ให้ใครที่ติดเชื้อมาใกล้เรา และไม่ได้รับการรักษาดูแล ไม่ได้รับการจำกัดบริเวณ ตัวเลขของการติดเชื้อก็จะมุดลงดิน การแพร่ระบาดของเชื้อก็จะแพร่กระจาย และย้อนกลับมาหาทุกคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศที่จะต้องทำความเข้าใจ แม้จะปัดขยะออกจากตัวเอง สุดท้ายขยะจะกลับมาที่บ้าน เพราะตอนนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติที่เราต้องช่วยกันในแง่ของจิตสำนึก
ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงเรียกร้องให้รัฐจัดบริการแก่ประชาชนได้เข้ารับการตรวจ หาเชื้อไวรัสดังกล่าวฟรี นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ให้ตรวจฟรีอยู่แล้ว แต่ให้เฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาทิ บุคลาการทางการแพทย์ ผู้ที่กลับจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อ และบุคคลใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งการจะวินิจฉัยว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่นั้น ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย มิฉะนั้น คน 30 ล้านคนจะไปขอตรวจทั้งหมดก็คงไม่ได้ เพราะการตรวจต้องให้เวลาประมาณ 1 วัน และอาจจะไปกินสิทธิของผู้ป่วยจริงๆ รวมทั้งทำให้กระบวนการรอคิวนานขึ้น และหากมีกลุ่มผู้ต้องสงสัยจำนวนมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้เกิดการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นแทน ถ้าคิดแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหาทั้งระบบ รวมทั้งจะเพิ่มงบประมาณในการจัดการเรื่องโรคระบาดวิทยา ต้องมีเหตุผลและตั้งสติให้ดี
เมื่อถามว่าถ้าพบว่าเป็นกรณีเดียวกับนายแมทธิว ดีน ดารานักแสดง ที่ไปตรวจเอง ประชาชนสามารถไปขอตรวจและทางรัฐบาลจะลดราคาค่าตรวจลงได้หรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า กรณีนี้ไม่ได้เข้าระบบของสาธารณสุข ถ้าเขาสงสัยและเป็นไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชน เมื่อรู้ผล โรงพยาบาลเอกชนต้องส่งผลมาให้กระทรวงสาธารณสุขภายใน 3 ชั่วโมง หากพบว่าติดเชื้อต้องมาเข้าสู่ระบบที่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งจะมีสิทธิ์รักษาฟรีทันที ส่วนบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่อยู่รอบตัวนายแมทธิว จะได้รับการดูแล กรณีผู้ป่วยที่ผ่านมา ไม่มีใครไปโพสต์ออกสื่อสาธารณะ เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ต้องเก็บชื่อไว้เป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ แต่สิ่งที่นายแมทธิวไปโพสต์ ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่จะทำให้เกิดการตื่นตระหนก ซึ่งขณะนี้ค่าตรวจของโรงพยาบาลรัฐอยู่ที่ราคา 1,500-2,000 บาท ส่วนโรงพยาบาลเอกชนเราได้เรียกประชุมและขอความร่วมมือไปแล้วให้มีการลดราคาเพื่อให้คนได้เข้าถึงมากขึ้น แต่ก็ไม่แนะนำว่าให้ทุกคนไปตรวจ ถ้าไม่มีความเสี่ยงจะไปตรวจเพื่ออะไร เว้นแต่บางคนที่มีฐานะรวย อยากไปตรวจเองโดยเสียเงินก็ไม่ควรบ่น
รมช.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวว่า จ.บุรีรัมย์ และอุทัยธานี ประกาศปิดเมืองนั้น เป็นปัญหาการใช้คำมาสื่อสารที่ทำให้เข้าใจไปคนละอย่าง เพราะที่จริงทั้งสองจังหวัดดำเนินมาตรการตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศข้อปฏิบัติ โดยให้มีด่านตรวจวัดไข้ผู้ที่ผ่านเข้าสู่จังหวัด แต่ไม่ใช่การปิดจังหวัดหรือปิดเมือง เพราะการพูดว่าปิดเมืองหมายความว่าไม่ให้มีการสัญจรเข้าออกเมืองนั้นๆ ห้ามการไปมาหาสู่ระหว่างกันกับจังหวัดอื่นๆ ซึ่งเราไม่ได้มีมาตรการนี้ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการย้ำชัดกันแล้วว่าไม่มีการปิดเมืองใดๆ