ส.ส.พลังธรรมใหม่ ลงพื้นที่ห้างฯ พบ ปชช.เริ่มทยอยกักตุนสินค้า หลังโควิค-19 ส่อระบาดหนักขึ้น จี้ “พาณิชย์-กรมการค้าภายใน” เร่งดูแล อย่าปล่อยให้ขาดจะยิ่งเกิดวิกฤต
วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้า อาทิ แม็คโคร บิ๊กซี พบว่า มีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปซื้อสินค้าเพื่อกักตุนจำนวนมาก โดยจากการสอบถามทราบว่า ในช่วง 2 วันนี้ จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สินค้าโดยเฉพาะ น้ำตาลทราย ข้าวถุง อาหารสำเร็จรูปและสินค้าอื่นๆ เช่น สบู่เหลว กระดาษทิชชู ต้องทยอยเติมสินค้าเข้าชั้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าบางอย่างพนักงานของทางห้างเติมสินค้าไม่ทัน เพราะความต้องการของประชาชนมีจำนวนมาก
“ผมขอให้กระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยขอให้ประสานงานกับผู้ผลิตผู้ค้าที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในภาวะวิกฤต ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสินค้าอุปโภค บริโภค ทั้งนี้ ถ้ามีการระบาดของไวรัสโควิค-19 เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลต้องรีบดำเนินการป้องกันสินค้าขาดแคลนโดยด่วน ในส่วนของประชาชนก็ขอให้อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป” นพ.ระวี กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ นายวิชัย โภชนกิจ ตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ย้ายจากตำแหน่งไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีแทน นพ.ระวี กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เพราะที่ผ่านมา ประชาชนและสังคมเกิดคำถามเกี่ยวกับปัญหาหน้ากากอนามัยอย่างมาก ซึ่งยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ฉะนั้น เพื่อการตรวจสอบที่ยุติธรรมก็สมควรที่จะปลดนายวิชัยออกจากตำแหน่งไปก่อน
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า หลังวันที่ 4 ก.พ.มีการส่งออกถึง 12 ล้านชิ้น กรมการค้าภายใน ควรจะต้องแถลงให้ชัดเจนว่า กรมการค้าภายในได้พยายามเจรจากับบริษัทผลิตหน้ากากอนามัย ว่า มีทางที่จะไม่ส่งออกได้หรือไม่ อย่างไร และมีทางที่จะเปลี่ยนมาขายภายในประเทศก่อนได้หรือไม่
“คำถามคือ กรมการค้าภายในได้พยายามสุดความสามารถหรือยัง เพราะหน้ากากอนามัยในสงครามชีวภาพ ต้องถือว่าเป็นยุทธปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ แต่กรมการค้าภายในกับแถลงสั้นๆ ว่า เป็นหน้ากากที่เขาผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น และเมื่อโฆษกกรมศุลกากรออกมาแถลงข่าวการส่งออกหน้ากากอนามัยในเดือน ม.ค.- ก.พ. 300 กว่าตัน อธิบดีกรมการค้าภายในกลับไปยื่นฟ้องโฆษกกรมศุลกากร แทนที่ตัวเองจะแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ข้อมูลนั้นคลาดเคลื่อนไปเป็นบางส่วน ความจริงคืออะไรน่าจะดีกว่า” นพ.ระวี กล่าว