รมว.พณ. เผย เตรียมดำเนินคดีลาซาด้า 3 คดี ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ฐานะตัวการ เตือนเลี่ยงปรับค่าส่งแพงแทนก็ผิด กม. ด้านปลัด พณ. เตรียมเอาผิด “พันธ์ยศ” กักตุนสินค้าหน้ากาก
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ แถลงกรณีการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยเกินราคา ว่า ผลการดำเนินการติดตามการค้าผิดกฎหมาย ขณะนี้จะมีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า 3 คดี โดยก่อนหน้านี้ ตนมอบหมายกระทรวงพาณิชย์ให้เชิญแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ ที่หมิ่นเหม่กระทำผิดกฎหมายมาพบแล้ว และได้เตือนให้ระมัดระวังไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งได้ทำหน้งสือแจ้งเตือนถึงโทษที่จะได้รับแล้ว โดยคดีที่จะดำเนินกับลาซาด้า 1. คดีที่จังหวัดนครปฐม มีผู้ร้องเรียนมาในสายด่วน 1569 และเจ้าที่ดำเนินการติดตามจนดำเนินคดีกับร้านขายยา ดีดีฟาร์มา ที่มีการค้าขายออนไลน์ใน แพลตฟอร์มลาซาด้า พบของกลางหน้ากากอนามัย 28 กล่องที่มีโค้ดลาซาด้าบนกล่อง และเตรียมส่งให้ผู้ซื้อ โดยตั้งข้อหาเบื้องต้นคือขายของเกินราคาควบคุม และค้าเกินกำไรอันสมควร ซึ่งกำหนดให้ขายหน้ากากอนามัยได้ชิ้นละไม่เกิน 2.50 บาท แต่กลับขายกล่องละ 1,100 บาท บรรจุ 50 ชิ้น ตกเฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท โดยโทษที่จะได้รับคือขายเกินราคา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และค้ากำไรเกินควร จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 บาท ขณะที่เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดนครปฐม ได้เข้าแจ้งความกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของลาซาด้า ในฐานะตัวการร่วมแล้ว ซึ่งตามหลักกฎหมายจะมีโทษเท่ากัน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า คดีที่สอง มีการล่อซื้อบนลาซาด้า พบว่า มีการขายหน้ากากอนามัยจากร้านทรูไลน์เมต ซึ่งจำหน่ายในราคากล่องละ 1,099 บาท ตกเฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท ที่ได้มีการบันทึกปากคำเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งที่มาส่งปลายทาง โดยมีหลักฐานการสั่งซื้อของลาซาด้าครบถ้วน และพบผู้จำหน่ายคือร้าน 928 ช็อป ที่ขณะนี้มีการปิดร้านไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่พาณิชย์เตรียมเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ส่วนคดีที่สาม มีการดำเนินคดีกับร้านแอพลายแอนซ์ แอนด์ เซฟตี้เอ็นเค ที่มีการขายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 1,299 บาท ตกชิ้นละ 26 บาท โดย ทั้งสามรายจะถูกดำเนินคดี ขายของเกินราคา และค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน
“นอกจากนี้ ขณะนี้มีการพยายามจะค้ากำไรเกินควร โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยขายตามราคาควบคุม แต่คิดค่าขนส่งแพงมาก ขอเตือนว่า นี่ก็ผิดกฎหมายเช่นกัน เพราะเข้าข่ายขายเกินราคาสมควร เพราะคำว่าราคาควบคุมจะรวมทั้งตัวสินค้าและค่าบริการด้วย การที่บอกว่าขายหน้ากาก 2.50 บาท แต่คิดค่าขนส่ง 300-400 บาท เข้าข่ายกระทำผิดเช่นเดียวกัน ใครที่คิดจะทำขอให้เลิก ไม่อย่างนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย” นายจุรินทร์ กล่าว
ด้าน นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณี นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ สายตรวจกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการกักตุนหน้ากาก 1,500 ชิ้น จึงออกหมายเรียกมาดำเนินคดี ข้อหาไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือ ซึ่งกรมการค้าภายในมีอำนาจจะเปรียบเทียบปรับได้เลย ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากกรณีของ นายศรสุวีร์ ภู่รวีวัศวัชรี นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบพบว่าตึกที่ใช้กักตุนเป็นที่ทำการของบริษัท ไทยเฮลท์โปรดักส์ และสถานะของบริษัทมีนายพันธ์ยศ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทไทยเฮลท์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งสถานะบริษัทได้ยกเลิกไปแล้วและเสร็จสิ้นการชำระบัญชีไปแล้ว ขณะนี้ถือว่าไม่มีบริษัทอีกต่อไป ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการตรวจสอบว่ามีการใช้ชื่อบริษัทนี้ในนามนิติบุคคลไปทำธุรกิจใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขายหน้ากากอนามัยหรือไม่ ถ้าหากว่ามีก็จะมีความผิดตามกฎหมาย