โฆษก กมธ.กฎหมาย เผยเตรียมเชิญตัวแทนฟากทหารแจงปมการพักบ้านพักทหาร-การใช้ในเชิงพาณิชย์ ย้ำกำลังดำเนินการให้ส่งคืนบ้าน และไม่สามารถใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ เดินหน้าขยี้มูลนิธิป่ารอยต่อ “ประวิตร”
วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ.ซึ่งมีนายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ปรึกษา กทม.ทำหน้าที่ประธานแทนนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตประธาน กมธ. ว่าที่ประชุมได้พิจารณาปัญหาและผลกระทบจากการกราดยิงของทหารที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมถึงหลังเกณฑ์ ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในกองทัพ โดย กมธ.ได้เชิญ ผบ.ทบ.ซึ่งท่านได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ส่งตัวแทนเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 มาแทน, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก, เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก และผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 เข้าร่วมประชุมด้วย โดยทาง กมธ.ได้เน้นหนักในเรื่องการจัดสวัสดิการ และหลักเกณฑ์การนำสวัสดิการที่ได้รับการจัดสรรซึ่งที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ระบุว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถูกต้องนั้นขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างไร รวมถึงการดำดเนินการย้ายออกจากบ้านพักสวัสดิการเพื่อให้บ้านพักมีเพียงพอกับทหารชั้นผู้น้อย และหลักเกณฑ์สามารถมีกรณีที่ให้ใช้เพื่อแสวงประโยชน์เชิงพาณิชย์การให้เช่าได้หรือไม่ เพื่อป้องกันสาเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเหมือนกรณีของจ่าคลั่งได้
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกได้ชี้แจงสวัสดิการในส่วนกลาง และได้รวบรวมรายละเอียดในการจัดระเบียบสวัสดิการกองทัพบกส่งให้กรมกำลังพลทหารบกไปแล้ว หลังจากที่ ผบ.ทบ.ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกรมธนารักษ์ ส่วนเรื่องของบ้านพักรับรองผู้บังคับบัญชาที่เกษียณอายุราชการแต่มีคุณงามความดี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกได้ชี้แจงถึงเรืองการคืนบ้านของผู้หมดสิทธิพักอาศัยตามระเบียบของกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในอาคารบ้านพักของข้าราชการ และลูกจ้างประจำในกองทัพบก ปี 2553 ตอนนี้ แบ่งเป็นผู้หมดสิทธิพักอาศัย 262 ราย ดำเนินการส่งคืนห้องพักไปแล้ว 192 ราย และในส่วนการผ่อนผันให้กับข้าราชการทหารที่แม้จะไม่ได้รับราชการกองทัพบกแล้ว แต่เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ และทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ซึ่งต้องมีหนังสือรับรองอีก 43 ราย
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ส่วนการเข้าพักบ้านรับรองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ใช้เป็นมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดนั้น ทางเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกชี้แจงว่า เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 เพื่อรับรองอดีตผู้บังคับบัญชาที่ทำความดีในอดีตให้แก่กองทัพบก และเสียสละให้ประเทศชาติ ซึ่งประเด็นที่ว่าใช้บ้านพักรับรองในเชิงการประกอบธุรกิจได้หรือไม่นั้น ทางเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกชี้แจงว่าไม่สามารถทำได้ ซึ่งทาง กมธ.ยังมีข้อสังเกตว่า แม้มูลนิธิป่ารอยต่อจะไม่หวังผลกำไร แต่ถือว่าเป็นมูลนิธิของเอกชน จะสามารถใช้บ้านพักรับรองในค่ายทหารตั้งได้หรือไม่ เรื่องนี้ ทาง กมธ.จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อไป