รองนายกฯ เผยเป็นสิทธิผีน้อยขอกลับไทยหนีโควิด-19 แต่จะผ่าน ตม.เกาหลีหรือไม่ อีกเรื่อง ต้องดูว่าจะเอาผิดหรือไม่ รวมถึงคดีในไทย ย้ำ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ไม่เกี่ยวเรื่องนี้
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแรงงานไทยที่ลักลอบเข้าประเทศเกาหลีใต้ผิดกฎหมายต้องการจะเดินทางกลับไทย เพื่อหนีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ตนยังไม่ทราบเรื่อง แต่ถ้าเขาเป็นคนไทยก็สามารถกลับได้อยู่แล้ว เป็นสิทธิของเขา เราจะไปเนรเทศเขาออกนอกประเทศไม่ได้ การจะเข้าประเทศไทยไม่มีปัญหา แต่ปัญหาจะอยู่ที่ทางเกาหลี แต่จะผ่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศเกาหลีใต้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนกลับมาแล้วจะถูกดำเนินคดีในประเทศไทยหรือไม่ ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง อยากกลับก็กลับ แต่ขอให้ผ่านออกมาจากเกาหลีให้ได้ก่อน เพราะขณะนี้เขายังไม่ให้ใครออกนอกประเทศโดยไม่จำเป็น เช่นเดียวกับไทยที่ไม่อยากให้ใครออกนอกประเทศโดยไม่จำเป็นเช่นกัน ทางสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ออกประกาศว่าข้าราชการและนักเรียนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ถ้าไม่มีความจำเป็นให้อยู่ในประเทศนั้นก่อน อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายกลับเข้ามา จะปลอดภัยที่สุดต่อสังคมและส่วนรวม
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไม่สามารถช่วยแรงงานผิดกฎหมายเหล่านั้นได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าเริ่มต้นเข้าไปโดยผิดกฎหมาย ก็ผิดกฎหมายของเกาหลีอยู่แล้ว อย่างภาวะปกติ เมื่อมีการแพร่ระบาดก็ต้องดูว่าทางเกาหลีจะเอาผิดหรือมีโทษอย่างไร เมื่อก่อนถ้าหนีและไม่ปรากฏตัว ทางเกาหลีจับไม่ได้ แต่เวลานี้ต้องแสดงความจำนงว่ามีใครบ้างที่จะกลับ ก็ต้องดูว่าทางเกาหลีจะว่าอย่างไร และถ้าจะว่าอย่างไรก็เป็นความผิดตามกฎหมายเกาหลี แต่การเดินทางผ่านยานพาหนะที่จะกลับเข้ามาเมืองไทย เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งในไทยไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็อย่างที่ยกตัวอย่างเรื่องประกาศของ ก.พ. ที่เข้าไปโดยถูกกฎหมาย ถ้าไม่มีความจำเป็นร้ายแรงก็อย่าเพิ่งกลับเข้ามา แต่เมื่อไปโดยผิดกฎหมายก็เสี่ยงหลายอย่าง เพราะไม่ทราบว่าทำงานอะไร อยู่ที่ไหนอย่างไร ไปเป็นแม่บ้าน หรือคนงาน มีโอกาสรับเชื้อหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าจะนำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี และ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ได้ใช้เพียง พ.ร.บ.โรคระบาด ถ้าหนักกว่านั้นก็จะเป็น พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งรวมถึงวาตภัย ภัยธรรมชาติ และโรคระบาดต่างๆ และขณะนี้เราประกาศใช้กฎหมายโรคติดต่อร้ายแรง ซึ่งก็อยู่ใน พ.ร.บ.โรคระบาด และผลจากกฎหมายดังกล่าวก็จะมี 1-2-3-4-5 แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช้ทั้งหมด เหมือนกับการประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ประกาศไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งจะมีผล 1 ถึง 10 แต่เวลาใช้แค่ 1-2-3 หรือไปถึงเคอร์ฟิว เป็นต้น แต่ พ.ร.บ.โรคระบาด มีผลสามารถเข้าไปตรวจค้นได้ และยังมีผลที่ยังไม่ประกาศใช้อีกตั้งเยอะ