รองนายกฯ ประชุมคกก.ติดตามมาตราการเยียวยาเหยื่อกราดยิงโคราช มอบผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล. เริ่มจ่าย 15 ก.พ. ไม่รวมผู้ก่อเหตุ คู่กรณี บาดเจ็บให้ 2 แสน ไม่สาหัสไม่เกิน 1 แสน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำผู้ประกอบการ ห้างเสียหายราว 10 ล.
วันนี้ (13ก.พ.) เมื่อเวลา14.00น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นประธานประชุมคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา มี นายเทวัญ ลิปตภัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 16.20 น.นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ว่าที่ประชุมได้พิจารณาหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาอย่างบูรณาการของแต่ละหน่วยงาน ทั้งการจ่ายเงินตาม พ.ร.บ.ของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และระเบียบอุดหนุนผู้ประสบภัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในส่วนของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีการประชุม เพื่อสรุปการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบในวันที่ 14 ก.พ. เวลา 13.00 น.ที่ชั้น 2 อาคารสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถนนพิษณุโลก กรุงเทพฯ โดยมี นายเทวัญ ลิปตภัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นประธานประชุม เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว คาดว่าจะจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. โดยเงินจำนวนนี้เป็นไปตามระเบียบราชการเป็นการเติมจากเงินช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นๆ สำนักนายกฯให้เงินเยียวยาผู้เสียชีวิต รายละ 1 ล้าน
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิต จำนวน 27 ราย จาก 30 ราย โดยไม่ครอบคลุมผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย ผู้ก่อเหตุ และคู่กรณี 2 ราย ที่ต้องรอดูสำนวนการสอบสวนทางคดีก่อน ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมดจะได้เงินเยียวยาจากหน่วยงานต่างๆ เช่นเงินช่วยเหลือตาม พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัย ของกระทรวงการคลัง พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ของกระทรวงยุติธรรม และระเบียบอุดหนุนผู้ประสบภัย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จำนวนตั้งแต่หลักหมื่นบาทขึ้นไป ในส่วนกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบสำนักนายกฯ จะให้การช่วยเหลือเพิ่มเติมไปรายละ 1 ล้านบาท ขณะที่ในส่วน ในส่วนของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย และตำรวจอาสา 1 รายที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ยังได้เงินเยียวยาจากกองทุนต่างๆของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 7-8 กองทุน ประมาณรายละ 3 ล้านบาท เช่น กองทุนหลวงพ่อคูณ เงินบำเหน็จในทางราชการ และได้เลื่อนชั้นยศตามระเบียบ ส่วนพลทหาร จำนวน 1 รายที่เสียชีวิตจะมีสวัสดิการของกองทัพ เช่นองประกันชีวิต และสวัสดิการอื่นตามสิทธิที่มีในการช่วยเหลือ เล็งกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เมืองย่าโม
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับผู้บาดเจ็บ จำนวน 58 ราย แบ่งเป็น บาดเจ็บสาหัส 29 คน ตามกฎหมายการคลัง และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี มีหลักเกณฑ์ไว้ที่คนละ 200,000 บาท ส่วนบาดเจ็บไม่สาหัส หรือเล็กน้อย 29 คน เราจะพิจารณาจ่ายสูงสุดคนละไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนั้น ยังมีการเยียวยาด้านจิตใจ โดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะมีมาตรการช่วยเหลือ เนื่องจากมีความเป็นห่วงเรื่องการนำเสนอผ่านสื่อ นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่จ.ลพบุรี มาถึงนครราชสีมา เพราะเกรงจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ จึงต้องมีมาตรการในการเฝ้าระวัง รวมถึงการเสนอการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูด้านจิตใจ ความเป็นอยู่ของชาวโคราช ขณะที่ด้านการค้า จะมีการพิจารณาปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับกระทบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ 4 ธนาคารรัฐ ยกหนี้เหยื่อโคราช
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับทรัพย์สินของห้างเทอร์มินัล 21 ที่ได้รับความเสียหายราว 10 ล้านบาท รวมถึงร้านค้าภายในห้าง เช่น ฟู้ดแลนด์ ตลอดจนรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ และมีตัวเลขอยู่แล้ว ทั้งกรมธรรม์ที่คุ้มครองเรื่องชีวิต สุขภาพ ทรัพย์สิน โดยจะไปเร่งรัดให้จ่ายโดยเร็ว ไม่มีการฉ้อโกง นอกจากนั้นทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จะพิจารณาสิทธิของแรงงานที่ต้องสูญเสียรายได้ และสิทธิพึงจะได้รับ เพื่อเร่งเบิกจ่ายช่วยเหลือโดยเร็ว ขณะที่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่มีภาระหนี้สินกับธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน จะยกหนี้ให้กับกรณีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บจะลดดอกเบี้ย 0.01% ซึ่งจะมีกำหนดเวลาต่างกันของแต่ละธนาคาร ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือทั้งหมดจะรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในวันที่ 18 ก.พ. พร้อมกับจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาทราบว่าผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับสิทธิในประเภทใดบ้างต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเยียวยาในส่วนของภาครัฐเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2542 ซึ่งเคยใช้ในการเยียวยาเหตุราชประสงค์ และผู้ประสบภัยจากพายุใต้ฝุ่นโพดุล-คาจิกิ