กลุ่ม คปอ.นำคณะยื่นหนังสือ กมธ.ทหาร สภาฯ สอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพ ผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจมิชอบ หลังเป็นชนวนเหตุกราดยิงที่โคราช ที่ปรึกษา กมธ.รับลูกนำเข้าที่ประชุม กมธ. จ่อเชิญ ผบ.ทบ.ชี้แจง
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.10 น. ที่รัฐสภา น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ประสานงานคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และองค์กรพันธมิตร ยื่นหนังสือต่อนายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.การทหาร เพื่อขอให้ตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้อำนาจมิชอบโดยผู้บังคับบัญชา และการขาดประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของอาวุธ
โดยนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ตัวแทน คปอ.กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีกราดยิงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 คน บาดเจ็บ 58 คน ภายหลังเหตุการณ์ได้มีการเปิดเผยถึงลำดับเหตุการณ์การปล้นอาวุธ รวมถึงชนวนเหตุความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา และเครือญาติ ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการทุจริต และประสิทธิภาพการบริหารงานในกองทัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คณะผู้ยื่นหนังสือ จึงขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพ ในประเด็นต่อไปนี้ 1. การเก็บรักษาคลังอาวุธในค่ายทหาร ระบบการรักษาความปลอดภัยภายในค่าย การฝึกอบรมกำลังพล ให้มีความพร้อมรับกับสถานการณ์ที่คล้ายการก่อการร้าย เพื่อกำจัดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนนั้น ทางกองทัพได้มีระบบที่ได้มาตรฐานสากล และบริหารงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะมีรายงานว่าหลังจากจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา คนร้ายใช้เวลาเกือบ 1 ชม.ในการปล้นเพื่อสะสมอาวุธจากหลายจุดภายในค่ายทหาร ก่อนขับรถออกไปก่อเหตุต่อประชาชน
2. การประกอบธุรกิจในกองทัพซึ่งเปิดช่องให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในหมู่บุคลากรและกำลังพล กองทัพมีนโยบายห้ามปราม และควบคุมอย่างไร ที่จะไม่ให้มีการกระทำอันไม่สมควร หรือเป็นการทุจริตต่อทรัพย์สินของราชการ โดยเฉพาะการหาประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุ ตามที่เป็นข่าวเรื่องการจัดสรรขายโดยญาติของนายทหาร ผู้บังคับบัญชา โดยมีจุดประส งค์เพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างเงินกู้สวัสดิการ อันนำไปสู่การทุจริตคดโกงที่เกิดขึ้นต่อทหารชั้นผู้น้อยจำนวนมาก และ 3. การใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการใช้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ในการเอื้อประโยชน์ต่อตนเอง และครอบครัว เช่น การทำการค้ากับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือการใช้อำนาจเพื่อข่มขู่คุกคาม ลงโทษอย่างทารุณ ไม่เป็นธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงการหักเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง และการกดขี่ในรูปแบบต่างๆ
ตัวแทน คปอ.กล่าวอีกว่า ปัญหาหลักทั้ง 3 ประการดังกล่าวไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะหน้าหรือเพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นปัญหาระยะยาวที่หมักหมมมานาน และเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของ ผบ.ทบ. จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ ผบ.ทบ.จะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ และต้องถูกตรวจสอบร่วมกับการแสวงหาข้อเท็จจริงจากกำลังพลทุกระดับ
ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า หลังจากรับหนังสือร้องเรียนแล้ว จะนำเข้าในที่ประชุม กมธ.การทหาร สภาฯ เพื่อพิจารณาว่าจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เช่น ผบ.ทบ.ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรง ได้เข้าชี้แจงต่อ กมธ.ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันว่า กมธ.จะทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องของการบริหารงานภายในกองทัพในอนาคต