ควันหลงวิสามัญ “จ่าคลั่ง” ที่โคราช “พลอย-ณิชชา” เด็ก “ส้มหวาน” ไม่พลาดโหนกระแส ยก “บิ๊กแป๊ะ” คือ วีรบุรุษ ด่า “ลุงตู่” เอาหน้า ขณะนักวิชาการเตือนสื่อ เสนอข่าว “อย่าใน 6 สิ่ง”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(9ก.พ.63) เฟซบุ๊ก ณิชชา บุญลือ – พรรคอนาคตใหม่ ของ ณิชชา บุญลือ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“พลอยในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ได้ติดตามเหตุอาชญากรรม ที่เกิดขึ้นในจังหวัดโคราช สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนและพลอยขอชื่นชมการทำงานของ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ลงพื้นที่เองและคอยบริหารเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องกว่า 18 ชม. ทำให้ภารกิจนั้นสำเร็จ สมกับคำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง”
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบระหว่างผู้นำประเทศของไทย ณ ตอนนี้ ที่บินมาในพื้นที่ดังกล่าว พอเจ้าหน้าที่ตำรวจระงับเหตุได้ ฟังคำแถลงข่าวจากผู้นำประเทศแล้ว หมดศรัทธาจริงๆค่ะ ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างในการทำงานชัดเจน ระหว่างการทำงานด้วยใจ กับ การทำงานเพื่อเอาหน้าในภาพสื่อต่างๆ
ถ้าคิดในอีกมุมหนึ่ง มาทั้งทีเจ้าหน้าที่ต้องมาอารักขาดูแลความปลอดภัยอีกกี่นาย ซึ่งภารกิจของเจ้าหน้าที่ในสถานการณ์แบบนี้ก็รัดตัวมากพออยู่แล้ว ท่านควรจะไปพิจารณาเรื่องความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต พิจารณางบประมาณด้านสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างชัดเจน พิจารณาถึงสาเหตุว่า เพราะอะไรทหารผู้นี้ถึงได้มีพฤติกรรมหรือเหตุจูงใจอะไรถึงก่อเหตุเช่นนี้ ใช่เป็นเพราะพิษเศรษฐกิจหรือไม่ หรือเป็นเพราะความเหลื่อมล้ำถูกกดขี่ในสังคมการทำงานในระบบทหารหรือไม่ ?? ไม่ใช่มาแถลงข่าวเอาหน้าไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ เพราะประชาชนรับรู้ได้ค่ะท่าน
ส่วนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตจากคนร้ายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหารตำรวจ ก็ต้องนำมาศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้ดี จะได้ไม่เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เลือดเนื้อประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่าให้ได้เสียเปล่า ทั้งนี้ต้องมาไตร่ตรองทบทวนถึงระบบการบังคับบัญชา หรือ การสั่งการ ว่าใครคือ ผู้มีอำนาจสั่งการอย่างเด็ดขาดที่ไม่ต้องรอให้เวลาผ่านไป ถึง 18 ชั่วโมง ขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนกับระบบการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ และทหารที่ได้รับการฝึกจากหน่วยรบต่างๆที่ได้ร่ำเรียนทั้งภาคทฤษฎี ทั้งภาคปฏิบัติ สามารถนำมาใช้ได้จริง ต่อสถานการณ์จริงหรือไม่ ?? ขอให้ชีวิตประชาชนที่ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่านะคะ หรือ อย่าให้ประชาชนติดภาพว่า “ทหารฆ่าประชาชน”
สุดท้ายนี้พลอยขอเป็นกำลังใจให้ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกท่านนะคะ ขอให้ผ่านช่วงเวลาร้ายๆไปให้ได้ค่ะ งานนี้ประทับใจ ผบ.ตร. มากค่ะ 🧡
#savekorat
#ตำรวจที่พึ่งของประชาชน
#คนจริงไม่พูดเยอะ
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก Army times Thailand ยังเผยภาพ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมลูกชาย “ผู้กองฮัท” ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา ขณะร่วมปฏิบัติการ Terminal 21 ด้วย พร้อมกับโพสต์หัวข้อ “ปฏิบัติการ Terminal 21 มาทั้งพ่อ ทั้งลูก”
โดยระบุว่า “เผยภาพ “บิ๊กแป๊ะ” กับ “ผู้กองฮ้ท” ลูกชาย ร่วมในปฏิบัติการ คลี่คลายสถานการณ์ “จ่าทหารคลั่ง” ยิงกราดกลางเมืองโคราชด้วย.... ส่อง Profile อีกครั้ง
บิ๊กแป๊ะ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ ผู้กองฮัท ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา ลูกชายคนโต ของ บิ๊กแป๊ะ ร่วมปฏิบัติการที่ Terminal21 ด้วย หลังจากถูกวิจารณ์ เรื่องคุณสมบัติ ที่ได้ขึ้น สารวัตร
ผู้กองฮัท จบหลักสูตร Sniper พลซุ่มยิง จากอิสราเอล
ผ่านหลักสูตร FBI จากสหรัฐอเมริกา ผ่านหลักสูตรการสืบสวน หลังเหตุระเบิด จากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรการอบรมต่างๆทั้ง หลักสูตร EOD ปี 2557
หลักสูตรต่อต้านการก่อการร้าย นเรศวร 261 รุ่นที่ 14 ประจำปี 2559 หลักสูตรกระโดดร่มสายกระตุก ประจำที่ รุ่นที่ 218 ประจำปี 2559 หลักสูตรกระโดดร่มแบบกระตุกเอง รุ่นที่ 1/2560 ประจำปี 2560
หลักสูตรสืบสวนหลังเหตุระเบิดจาก ILEA หลักสูตรตำรวจตระเวนชายแดน ระดับผู้บังคับหมวด ตชด. รุ่นที่ 1/2561
หลักสูตรจากต่างประเทศ
1.หลักสูตรอาจารย์ผู้สอนอาวุธปืนระบบ MCX, MPX, P320, DMR
หลักสูตรพลซุ่มยิงจากศูนย์ฝึก sig sauer academy จาก สหรัฐอเมริกา
2.ฝึกร่วมกับหน่วย The Australia Federal Police Specialist Response Group ที่ ออสเตรเลีย
3.ฝึกร่วมกับหน่วย RAID Unit (France)ที่ ฝรั่งเศส
4.ฝึกร่วมกับหน่วย 2nd Commando Regiment ที่ ออสเตรเลีย 3 ครั้ง
5.หลักสูตรสืบสวนหลังเหตุระเบิด ที่ สหรัฐอเมริกา
6.หลักสูตร FBI National Academy 2019 จาก สหรัฐอเมริกา
7.หลักสูตร IMI Academy Sniper course 2019 จาก อิสราเอล
8.เข้าร่วมการแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น วันนี้(9 ก.พ.63)เช่นกัน เฟซบุ๊กของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ก็ได้โพสต์เตือนการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ว่า
"สิ่งที่สื่อควรทำต่อจากนี้ หลังจากวิสามัญคนร้ายแล้ว
1. หลีกเลี่ยงการพูดชื่อคนร้ายให้มีเอ่ยถึงน้อยที่สุด และไม่ควรนำเสนอภาพของคนร้ายประกอบข่าว ไม่ว่าจะภาพเป็นหรือภาพตาย โดยเฉพาะภาพจาก Facebook ของคนร้าย เพราะภาพใน Facebook ของคนร้าย คือภาพที่คนร้ายต้องการจะโชว์ อย่าทำความต้องการของคนร้าย ถ้าลงไปแล้วควรจะลบ ถ้าจะใช้ อาจใช้เพียงภาพบัตรประชาชน และไม่ควรใช้บ่อย อย่าสร้างคนร้ายให้เป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ให้กลายเป็นเพียงคนเลวคนหนึ่งที่จะไม่มีใครจดจำได้อีก
2. ให้เกียรติผู้เสียชีวิต อย่านำเสนอภาพผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเบลอหรือไม่เบลอ หากจะนำเสนอ ให้นำเสนอภาพที่ดี ที่ได้จากญาติ หรือได้รับอนุญาตในการใช้แล้ว
3. อย่าคาดเดา หรือเอาไมค์ไปจ่อปากเพื่อน แม่ หรือญาติคนร้าย ให้พูดแก้ตัวแทนคนร้ายถึงเหตุผลในการฆ่าคน รายงานเฉพาะข้อมูลที่ทางการแถลงแล้วเท่านั้น
4. อย่าอธิบายรายละเอียดในการก่อเหตุอย่างละเอียด เพราะมันจะกลายเป็นการก่อให้เกิดการเลียนแบบ และอาจมีข้อมูลผิดพลาด โดยเฉพาะลักษณะของการวางแผนและการต่อสู้
5. อย่าละเมิดสิทธิผู้อื่นในการทำข่าว โดยเฉพาะญาติผู้เสียชีวิต อย่าทำอะไรที่จะเป็นการซ้ำเติมความโศกเศร้า อย่ามองเห็นพวกเขาเป็นเพียงแค่แหล่งข่าว แต่แสดงความเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ผู้กำลังประสบความทุกข์อย่างยิ่ง
6. อย่าวนเวียนเอาแต่นำเสนอข่าวความสูญเสีย หรือดรามาต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากช่วงเวลาที่ก่อเหตุ ที่ก่อให้เกิดความโศกเศร้า จิตตก หวาดกลัว แต่ควรคิดและสนับสนุนการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ให้กำลังใจ และช่วยกันสร้างสังคมเราให้ดีขึ้น ป้องกันและเฝ้าระวัง นำเสนอเรื่องดีๆ น่าประทับใจที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนกล้า คนเสียสละ คนทำดี คนเหล่านี้ต่างหากที่เราทุกคนต้องจดจำ ไม่ใช่คนร้าย
เราทุกคนก็เช่นกันครับ ช่วยกันให้กำลังใจผู้ประสบเหตุ เจ้าหน้าที่ ช่วยกันคิดว่าจะสร้างสังคมเราให้ดีขึ้นได้
อย่างไร ถ้าพบเห็นการทำผิดข้อใดข้อหนึ่ง ช่วยกันเข้าไปทักท้วง ใครส่งภาพโหดเหี้ยมสยดสยองมาต้องบอกว่าอย่าทำแบบนี้
แต่ก็เชื่อได้เลยว่า พูดยังไง สื่อก็จะทำข้อใดข้อหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ขอให้สื่อรู้ไว้ว่า ต่อจากนี้เค้าจะไม่ด่าคนร้ายแล้ว เค้าจะด่าสื่อ"
แน่นอน, กรณี “จ่าคลั่ง” ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น และเชื่อว่า วิญญูชนล้วนเสียใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกฝ่ายต่างทำงานตามหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง และอย่างรอบคอบ จนทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี แม้ว่า จะเกิดความสูญเสีย แต่เป็นการสูญเสียที่ทุกคนเสียใจ ที่ไม่อาจช่วยอะไรได้มากกว่านี้ แต่แน่นอน มันคือ บทเรียนอันยิ่งใหญ่ของคนไทยทุกคน ที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้โดยเร็ว
ถูกต้องแล้ว ที่ “พลอย-ณิชชา” ชื่นชมผู้ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเยี่ยงวีรบุรุษ แต่เอะอะอะไรก็โหนกระแสด่า “ลุงตู่” ตลอด ก็ดูจะใจดำเกินไป กับ “ลุงตู่” ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย หรือไม่จริง!!!