“อนุทิน” ไม่รู้สึกผิดไล่ฝรั่งไม่รับหน้ากากอนามัยกลับประเทศ เสียใจคนวิจารณ์เพราะแปลเจตนาผิด แจงถูกคู่กรณีปัดมือขณะยื่นมาสก์ให้ แสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามความปรารถนาดีของคนไทย ขออภัยที่แสดงอาการไม่เหมาะผ่านสื่อ แต่ไม่มีวันขออภัยต่างชาติคนนั้น
วันที่ 7 ก.พ. 63 จากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แสดงอาการเกรี้ยวกราดหลังนักท่องเที่ยวฝรั่งไม่รับและไม่สวมหน้ากากอนามัย โดยไล่ให้กลับประเทศเพราะประเทศไทยอยู่ในช่วงรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัย
จากนั้นนายอนุทินได้โพสต์ขออภัยกับกรณีดังกล่าว “ขออภัย ที่วันนี้มีอาการ “หลุด” ใส่ชาวต่างชาติแถบยุโรปบางคน ที่แสดงอาการรังเกียจคนไทยใส่ mask และไม่ร่วมมือในการใส่ mask ในขณะที่พวกเรากำลังรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทย” นายอนุทินระบุ
แต่พอมาช่วงดึก นายอนุทินโพสต์อีกว่า “ไม่รู้สึกผิดที่แสดงอารมณ์และใช้คำพูดต่อว่าฝรั่งคนนั้นที่ไม่ให้เกียรติคนไทย ขออภัยที่แสดงอาการไม่เหมาะสมผ่านสื่อมวลชน แต่ผมไม่มีวันขออภัยคนต่างชาติคนนั้น”
มีรายละเอียดว่า ...
“ผมไม่โกรธที่โดนด่า โดนวิจารณ์หยาบคาย
ผมไม่รู้สึกผิดขณะที่แสดงอารมณ์ และใช้คำพูดกับ “ฝรั่ง” คนนั้น ที่ไม่ให้เกียรติคนไทย และมองเห็นมาตรการควบคุมโรคของประเทศไทยเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ตลก ขบขัน
ผมมั่นใจว่า 100% ของคนที่ด่าและวิจารณ์ผม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมและคณะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ทำกิจกรรมรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ในเช้าวันนี้
เพราะผมรู้ว่าคนที่ด่าและวิจารณ์ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ผมจึงไม่โกรธ แต่รู้สึกเสียใจที่มีการแปลเจตนาของผม ผิดพลาดจากที่ผมต้องการจะสื่อสาร
ผมเพียงแต่จะบอกว่า ถ้าคนต่างชาติคนนั้น หรือคนไหนก็ตาม ไม่พร้อมจะปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไทย ไม่ควรจะเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเวลานี้ซึ่งเรากำลังรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
ไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ แต่ยังเห็นสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ปัดมือผมที่ยื่นหน้ากากอนามัยให้ด้วยความปรารถนาดี และห่วงใย และแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามความปรารถนาดีของคนไทย
ผมไม่รู้สึกผิดที่ตอบโต้ผ่านสื่อมวลชนไปยังคนต่างชาติคนนั้น และคนอื่นๆ ที่ดูอยู่ เพื่อให้ได้รับทราบเจตนาของผมในฐานะคนไทย ที่ต้องรับผิดชอบต่อมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
ผมอดทนอดกลั้นมากพอที่จะไม่ตอบโต้กับคนต่างชาติคนนั้น ด้วยท่าทีแบบเดียวกับที่เขาทำกับผม และคณะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข
ผมเป็นคนไทยที่ไม่เคยยอมให้ต่างชาติมาแสดงท่าทีอาการเหยียดและดูถูกคนไทย
ผมมีเพื่อนต่างชาติเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคนดีที่ไม่เหยียดคนไทย แต่ต่างชาติบางคนที่แสดงท่าทีเหยียดคนไทย ผมไม่นับเป็นเพื่อน
ในบางประเทศ ในช่วงเวลานี้มีข้อห้ามคนต่างชาติมากมาย แต่ในประเทศไทย เราเพียงขอให้ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตัวเอง และป้องกันคนอื่น ติดเชื้อ เท่านั้น เพราะเราไม่รู้ว่าใครเดินทางมาจากไหน ก่อนมาประเทศไทย
บางประเทศไม่รับคนจีนเข้าประเทศ แต่รับคนจากชาติต่างๆ เข้ามาอย่างไม่ระมัดระวัง ปรากฏว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ เพิ่มมากขึ้นกว่าประเทศไทย เพราะเรามีมาตรการควบคุมโรคแบบของเรา ทำให้สถานการณ์ของเราดีกว่าบางประเทศในภูมิภาคนี้
เราทำด้วยความปรารถนาดี และห่วงใยคนไทย และคนต่างชาติเกือบ 100% ที่ได้รับหน้ากากอนามัย วันนี้ ยิ้มและขอบคุณรัฐบาลไทยที่นำมาแจกให้ป้องกันตัวเอง มีเพียงรายเดียวที่เป็นกรณีปัญหา
ผมขออภัยที่แสดงอาการไม่เหมาะสมผ่านสื่อมวลชน ซึ่งมีผู้ชมหลากหลายรุ่นวัย แต่ผมไม่มีวันขออภัยคนต่างชาติคนนั้นที่ไม่ให้เกียรติ และรังเกียจ มาตรการควบคุมโรคของประเทศไทย
ผมจะทำงานของผม ตามแนวทางของผมต่อไป จนกว่าประเทศไทย และคนไทย จะก้าวข้ามภาวะวิกฤตทางสุขภาพนี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย”