รองโฆษกรัฐบาล เคลียร์ถูกวิจารณ์ขายหน้ากากอนามัยแพง ระบุ ต้นทุนสูงขึ้น-บวกค่าขนส่ง ต้องขายราคาเท่ากันทั่วประเทศ ปัดทำกำไร รับไม่สามารถแจกฟรีตามความต้องการได้ ยันของมีพอ
วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยของทำเนียบรัฐบาล มีราคาที่สูงกว่าราคาต้นทุนจริง ว่า หน้ากากอนามัยที่จำหน่ายที่ชิ้นละ 2.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่ องค์การเภสัชกรรมจำหน่ายนั้นมีเหตุผลที่มาที่ไป คือ ที่องค์การเภสัชกรรมสามารถจำหน่ายหน้ากากอนามัยออกมาจำหน่ายได้ ในราคาชิ้นละ 1 บาท เนื่องจากเป็นการปล่อยหน้ากากอนามัยที่มีอยู่ในสต๊อกเดิม ก่อนที่จะเกิดวิกฤตโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา และที่องค์การเภสัชกรรม ตัดสินใจนำสต๊อกหน้ากากออกมาจำหน่ายได้ เพราะมีความมั่นใจว่าหน้ากากอนามัยจะไม่มีการขาดแคลนแล้ว ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมมีหน้าที่ในการดูแลเรื่องการจำหน่ายจ่ายแจกหน้ากากอนามัยให้เพียงพอกับสถานพยาบาลต่างๆ จึงทำให้ก่อนหน้านี้ไม่สามารถปล่อยสต๊อกออกมาได้ แต่เมื่อวันนี้มีความมั่นใจแล้วจึงได้นำออกมาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้นำสินค้าในสต๊อกเก่าออกมาจำหน่ายจึงสามารถขายได้ในราคา 1 บาทต่อชิ้น
“คำถามที่ว่าทำไมรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ จึงจำหน่ายในราคาชิ้นละ 2.50 บาท ขอชี้แจงว่า วันนี้ต้นทุนในการผลิตมีราคาที่สูงขึ้น บวกกับกระทรวงพาณิชย์จะมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยไปยังร้านค้าธงฟ้า 120,000 แห่งทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นในการจัดจำหน่ายจะต้องมีการบวกค่าขนส่งต่างๆ เข้าไปด้วย ราคาที่จำหน่ายจึงจำเป็นจะต้องเป็นราคามาตรฐานที่จำหน่ายทั่วประเทศ ไม่สามารถที่จะขายในกรุงเทพฯ ราคาถูกกว่าต่างจังหวัดได้ การคำนวณราคาจึงต้องบวกกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จึงตกอยู่ที่ชิ้นละ 2.50 บาท ยืนยันว่า ไม่ได้มีการบวกเพื่อทำกำไร เพียงแต่ต้องคำนวณราคาให้ครอบคุ้มกับต้นทุนในการผลิต” น.ส.รัชดา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่แจกจ่ายหน้่กากอนามัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นขณะนี้ให้กับประชาชนแทนการจำหน่าย น.ส.รัชดา กล่าวว่า วันนี้ความต้องการในการใช้หน้ากากอนามัยไม่ใช่เพียงแค่คนละ 1 ชิ้น เพราะแต่ละครอบครัวต่างมีความจำเป็นที่ไม่เท่ากัน แล้วแต่สมาชิกของครอบครัว จึงต้องชี้แจงตรงๆ ว่า รัฐบาลอาจไม่สามารถจะจ่ายได้ตรงกับความต้องการของประชาชน แต่ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้มีการจำหน่ายในจุดต่างๆ ทำกันอย่างเต็มที่ แต่จะให้แจกแล้วเพียงพอกับความต้องการของประชาชนทุกคนที่มีความต้องการที่แตกต่างกันก็อาจจะไม่ไหว รัฐบาลก็พยายามที่สุดที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึงหน้ากากอนามัยในราคาที่ประหยัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และวันนี้มาตรการที่ออกมาในการกำหนดให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมก็เชื่อมั่นว่าปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยจะคลี่คลายลงโดยเร็ว
“ยืนยันว่า วันนี้หน้ากากอนามัยมีเพียงพอ แต่ต้องยอมรับว่า เหตุผลหลักที่ทำให้สินค้าหายออกไปจากประเทศไทย ส่วนหนึ่งคือการส่งออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น เมื่อรัฐบาลกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม หากมีการส่งออกนอกประเทศเกิน 500 ชิ้น ก็จำเป็นต้องขออนุญาตกระทรวงพาณิชย์จึงสามารถเข้าไปควบคุมปริมาณสินค้าที่มีการเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศได้ และถ้าพบเห็นว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไปก็จะไม่อนุญาต ดังนั้นเมื่อสินค้าดังกล่าวออกนอกประเทศไม่ได้ก็จะทำให้มีสินค้าเพียงพอ” น.ส.รัชดา กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจำหน่ายหน้ากากอนามัยนั้นไม่ได้มีที่เฉพาะทำเนียบรัฐบาล หรือกระทรวงพาณิชย์ เท่านั้น เรายังมีการจำหน่ายที่ร้านธงฟ้าอีก 120,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องบวกค่าขนส่งจึงขอยืนยันอีกครั้งว่าเราไม่ได้หวังผลกำไร สำหรับการจำหน่ายที่ร้านธงฟ้านั้น ก็จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ในราคาชิ้น 2.50 บาททั่วประเทศ และหลังจากนี้ หากการกระจายสินค้ามีเพียงพอก็สามารถที่จะกระจายสินค้าไปยังร้านขายยาปกติได้ ส่วนจะเข้าสู่ภาวะปกติได้เมื่อไหร่คงตอบยาก แต่เมื่อความต้องการจากต่างประเทศลดน้อยลง อีกทั้งโรงงานที่ผลิตในประเทศจีนสามารถกลับมาเปิดได้ ความจำเป็นในการส่งออกนอกประเทศก็น่าจะลดลง สถานการณ์ก็น่าจะคลี่คลายไปได้ในทิศทางที่ดี ขอให้ทุกคนสบายใจได้