ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ร.ร.อนุบาลย่านนิมมานฯ แหล่งฮิต นทท.จีน เพิ่มความเข้มมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส และปัญหาฝุ่นควันของเชียงใหม่ ให้กับเด็กเล็กสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบอู่ฮั่น หรือโคโรนาไวรัส ในจังหวัดเชียงใหม่ แม้จะยังไม่พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัสโดยตรง แต่ก็พบว่าเป็นอีกพื้นที่เสี่ยงที่มีการเดินทางเข้าของของนักท่องเที่ยวชาวจีน และกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางไปเมืออู่ฮั่น ประเทศจีน ที่ผ่านมามีการกักตัวเพื่อทำการรักษา และดูแลอาการของผู้ป่วยที่เสี่ยงติดเชื้อโคโรนาไวรัสมากกว่า 10 รายแล้ว โดยหนึ่งในจุดเสี่ยงของการแพร่ระบาดคือจุดท่องเที่ยวหลักที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนหนาแน่นของจังหวัดเชียงใหม่
โดยเฉพาะย่านถนนนิมมานเหมินทร์ ที่มีร้านค้าร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวจีนที่มาท่องเที่ยวเชียงใหม่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เองต้องดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไว้ก่อน ส่วนใหญ่จะพบว่าทั้งนักท่องเที่ยวเอง และประชาชนก็มีการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองทั้งในส่วนเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ และปัญหาเรื่องของหมอกควัน และฝุ่นละของ PM 2.5 ที่เชียงใหม่เองก็เริ่มประสบปัญหานี้มาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม แม้ว่าช่วงนี้จะเบาบางลงแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง
ขณะเดียวกัน โรงเรียนระดับอนุบาลสวนน้อยซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งเดียวในถนนนิมมานเหมินทร์ก็ได้เพิ่มมาตรการในการดูแลเด็กนักเรียน ที่ส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 2-5 ขวบ ที่ต้องมาเรียนเป็นปกติ ก่อนหน้านี้ มีการเพิ่มมาตรการดูแลเด็กในช่วงสถานการณ์หมอกควัน โดยมีการติดตตามค่าฝุ่นละอองหากมีผลกระทบทางโรงเรียนจะมีการแจ้งเตือนผู้ปกครองให้นำหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มาให้เด็กนักเรียนสวมใส่ ทางโรงเรียนจะมีการแจ้งเตือนผ่านทางธงสัญลักษณ์สีต่างๆ ตามระดับอันตราย หากสภาพอากาศดีมากถึงดีก็จะมีการชักธงสีเขียว และสีเหลืองที่สามารถให้เด็กๆ ออกมาทำกิจกรรมนอกห้องเรียนได้ แต่หากฝุ่นควันมีอันตรายก็จะขึ้นเตือนธงระดับสีส้ม และสีแดงที่งดให้เด็กออกมาทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยไว้ และเพิ่มเครื่องกรองอากาศ PM 2.5 ติดตั้งไว้ในห้องเรียนทุกห้องในช่วงนี้
โดยล่าสุดหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ก็ได้เพิ่มมาตรการในการคุมเข้มป้องกันโรค โดยครู และนักเรียนทุกคนหากมีอาการป่วยก็ต้องหยุดพักรักษาให้หายขาด สวมหน้ากากอนามัยทุกคนทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ขณะที่ทั้งผู้ปกครอง เด็กนักเรียน และบุคลากรของโรงเรียงต้องทำความสะอาดมือทุกครั้งด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก่อนที่จะเข้าออกโรงเรียน ต้องผ่านการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุกครั้งก่อนเข้าออกโรงเรียน และแนะนำให้ผู้ปกครองว่าในช่วงนี้พยายามหลีกเลี่ยงพาบุตรหลานไปในจุดที่มีผู้คนหนาแน่น และปฏิบัติตัวให้ลดความเสี่ยง ทั้งการล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย กินอาหารร้อน ใช้ช้อนกลาง และออกกำลังกายสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายเพื่อต้านทางโรคต่างๆ