เลขาฯ ผู้ตรวจฯ เตรียมยกเลิกระเบียบค่าใช้จ่ายเดินทางตปท. อ้างไม่กลัวซ้ำรอยออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนตัวเอง แต่ไม่มีเจตนาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย-สังคมเกิดความไม่สบายใจ แจงหลักการเบิกจ่ายไม่ได้อัตโนมัติ
วันนี้ (3 ก.พ.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2563 ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีระเบียบดังกล่าวอยู่แล้ว แต่หลังจากมีการบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน 2560 จึงมีการออกระเบียบใหม่โดยได้มีการศึกษาระเบียบขององค์กรอื่นๆ ที่เห็นว่าจะสอดคล้องต่อการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ปัจจุบันมีการทำความร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินต่างประเทศ ซึ่งก็พบว่าระเบียบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีความเหมาะสม จึงได้นำมาเป็นต้นแบบยกร่างและประกาศใช้ระเบียบดังกล่าว ซึ่งการเบิกจ่ายตามระเบียบของผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่ได้ทำโดยอัตโนมัติ เช่นค่าเบี้ยเลี้ยงตามระเบียบของ กกต.จะกำหนดประมาณ 4,000 พันบาท ของ คตง.ไม่เกิน 100 เหรียญ หน่วยงานราชการกำหนดไว้ที่ 3,500 บาท ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนดไว้ 4,500 บาทโดยยึดตามค่าครองชีพเป็นหลัก และการเบิกต้องมีใบเสร็จ เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคู่สมรส ซึ่งปัจจุบันการทำงานของผู้ตรวจฯ มีการลงนามความร่วมมือระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดินประเทศไทย และต่างประเทศ โดยในบางภารกิจคู่สมรสก็ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นการเบิกได้โดยอัตโนมัติต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ตรวจฯ และการเบิกจ่าต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานฯ
“ที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำงานร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินของต่างประเทศหลายประเทศในการแก้ไขปัญหา อย่างเช่น การช่วยหญิงไทยที่เกาหลี ซึ่งไม่เข้าถึงการรักษาพยาบาล หรือการช่วยนักเรียนไทยในประเทศอินโดนีเซีย ที่ไม่ต้องเสียค่าปรับเนื่องจากการต่อวีซ่าไม่ทัน ก็มาจากการติดต่อประสานงานของผู้ตรวจการแผ่นดินไทย กับผู้ตรวจการแผ่นดินต่างประเทศตามที่เราได้ลงนามความร่วมมือเอาไว้ ระเบียบนี้จึงออกมาเพื่อรองรับคนที่จะไปทำงาน ซึ่งก็ต้องทำจริง และการเบิกจ่ายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ แต่เมื่อสังคมมีความกังวลและผู้ตรวจการแผ่นดินก็ไม่ได้มีเจตนาใช้เงินฟุ่มเฟือยโดยไม่มีเหตุผล ทางผู้ตรวจฯ จึงได้มีการหารือกันและเห็นว่า เพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ เราก็จะมีการแก้ไขระเบียบนี้เพื่อให้มีการยกเลิก ไม่ใช่เพราะกลัวจะซ้ำรอยเหมือนเรื่องกรรมการองค์กรอิสระออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนตัวเอง แต่เพราะผู้ตรวจฯ คิดว่าเราทำเรื่องนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว”