นายกฯ เป็นประธานมอบรางวัลประกวดวาดภาพเด็ก จชต. ชมกล้าแสดงออก ฝากหาตัวเองให้เจอ อย่าสร้างขัดแย้งบิดเบือน ทำลายชาติไม่ใช่เรื่องสนุก หวังสร้างช้างเผือกในพื้นที่ แนะออกกำลังกายให้ตัวสูง ย้ำไม่เคยคิดเป็นนายกฯ แต่สัญชาตญาณบอกให้เป็นทหาร
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธานพิธี พร้อมมอบโล่เกียรติบัตร และโอวาทให้แก่เด็กและเยาวชนที่ผ่านการประกวดศิลปะโครงการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนด้วยศิลปะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) ภายใต้หัวข้อ “พลังแห่งรัก” พร้อมมอบของที่ระลึกให้แก่ตัวแทนเด็ก และเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานที่ได้รับรางวัล โดยมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกิจการเด็กและเยาวชน และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวให้โอวาทว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตลักษณ์ วัฒนธรรม เรามีหลายศาสนา แต่ทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด แม้จะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ทุกคนก็เข้มแข็ง พยายามช่วยกันขับเคลื่อนบ้านของเราและประเทศของเราให้เดินไปข้างหน้า ตนถือว่าเด็กทุกคนเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะแต่งแต้มสีสันอะไรลงไปให้สวยงาม มีคุณค่าขึ้น ซึ่งต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากรัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย วันนี้สถานการณ์ในภาคใต้อยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ สถานการณ์ความรุนแรงลดลงมาก เราต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด เพราะทำให้การพัฒนาของเราเดินหน้าไปได้ช้า เราต้องมีมาตรการอื่นเข้ามาเสริมนอกจากการพัฒนา คือ การขับเคลื่อนพหุสังคม พหุวัฒนธรรมของพวกเรา ด้วยการใช้ศิลปะและความรัก ซึ่งความรักมีหลายรูปแบบ ทั้งรักตัวเอง รักครอบครัวและรักคนอื่น ซึ่งเหล่านี้ประกอบให้เป็นตัวคนไทยที่มีคุณค่า ไม่ว่าภาคใด เชื้อชาติใด ศาสนาใด เราจำเป็นต้องเป็นพลเมืองที่มีคุณค่า ก่อนหน้านี้ที่ตนลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโอกาสพบเด็กนักเรียนมีความตื่นตัวและตั้งใจในการพัฒนาตนเอง ตนพอใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นนักเรียนแสดงออกถึงความกล้าในการพูดและแสดงออกในสิ่งอันเป็นประโยชน์ สิ่งนี้แสดงเห็นถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ของเด็กๆ ซึ่งมีสองอย่างจะแต้มเติมสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่ไม่ดี
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากเรื่องของศิลปะและการใช้ความรักเหล่านี้แล้ว ยังมีนโยบายส่งเสริมเรื่องกีฬาและดนตรีในภาคใต้ของเรา ตนต้องการช้างเผือกในวงการกีฬาแห่งประเทศไทย เห็นเด็กหลายคนในที่นี้ ตัวผอม แต่ก็แข็งแรง แต่น่าจะโตกว่านี้ได้อีก จึงต้องทานข้าว กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ คงไม่แพงเกินไปนัก หาที่เหมาะสม อย่าไปกินของที่ไม่เกิดประโยชน์และออกกำลังกายให้มาก ส่วนที่ตัวเตี้ยให้โหนต้นไม้ โหนทุกวันมันก็ยืดขึ้นเอง เหมือนตนเมื่อก่อนตัวเล็กกว่านี้ ก็ออกกำลังกายมากขึ้น ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ก็สูงขึ้น ปีนึงสูงขึ้นเกือบ 10 เซนติเมตร ด้วยการทานอาหาร ออกลังกาย โหนต้นไม้ และดึงบาร์เดี่ยวคอประตู รวมถึงว่ายน้ำ ร่างกายเราก็สูงใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม คราวหน้าเราอยากได้นักกีฬาที่เป็นช้างเผือกจากภาคใต้มากขึ้น โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล
นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราทำวันนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะศิลปะอย่างเดียว แต่เป็นพัฒนาการทางสมองของเราให้มีการเจริญเติบโต โดยไม่หยุดยั้ง ทุกคนมีความฝัน ความใฝ่ฝันของเด็กๆ ที่จะทำให้เกิดพลังแห่งรักในสังคมพื้นบ้านของเราผ่านมุมมองต่างๆ จากในรูปต่างๆ ที่ทุกคนวาดออกมา นั้นคือจิตใจของเราที่แสดงออกมาว่าต้องการสื่อถึงอะไร คนที่ดูภาพก็ต้องดูให้รู้เรื่อง เพราะศิลปะเป็นจินตนาการที่สื่อออกมา ถ้าบางคนดูไม่รู้เรื่องก็ต้องหาให้เจอ นั้นคือการสร้างรับรู้ของตนเอง ไม่ใช่ว่าจะมองว่าสวยหรือไม่สวยเท่านั้น ต้องมองจินตนาการของเด็กว่าเขาวาดออกมาเพราะอะไร นั้นคือถ่ายทอดจากใจของเด็ก วันนี้เราต้องช่วยกันดูว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศของเราบ้าง การเจริญเติบโตทางเทคโนโลยี การดิสรัปชันจากโซเชียลมีเดีย เฟคนิวส์ มันเป็นอันตรายทั้งสิ้น ถ้าไม่ใช่ข้อเท็จจริง จะเชื่อ จะฟัง จะอ่านจะโพสต์ ต้องระมัดระวังด้วย แต่หลายอย่างเรามีกฎหมายอยู่แล้ว คงต้องเข้มงวดเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่บิดเบือน ขณะนี้ก็เร่งดำเนินการไปแล้ว ก็ขอเตือนพวกเราไว้
“วันนี้หลายอย่างเป็นธุรกิจไปแล้ว อย่างธุรกิจการศึกษา วันนี้รัฐบาลพยายามหางาน หาอาชีพ หาพื้นที่ใหม่รองรับพวกเราในการทำงานวันหน้า ตั้งใจไว้เถอะ อยากเป็นอะไรก็ตั้งใจไว้ มันไม่เสียหาย เหมือนนายกฯ เองก็ตั้งใจไว้แต่เด็ก ว่าอยากเป็นอะไร แล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนเพราะมันเป็นสัญชาตญาณของลุงเองด้วย ถึงได้มาเป็นทหาร แต่ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นนายกฯ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำไป ไม่เคยคิดจริงๆ แม้กระทั้งเป็นผบ.ทบ.ก็ไม่เคยคิด มันเป็นของมันเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า ทุกคนเกิดมามีทักษะอยู่แล้ว หาตัวเองให้เจอ และแสดงออกมาในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ไปแสดงในสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง บิดเบือน โดยทำให้เป็นเรื่องความสนุกสนาน ซึ่งการทำลายประเทศชาติไม่ใช่เรื่องสนุกสนาน ขอให้ทุกคนได้เข้าใจว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ ซึ่งในการเสพสื่อและโซเชียลมีเดียต่างๆ ต้องระวังให้มากขึ้น ต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี หลายอย่างเรามีการพัฒนาที่ดีขึ้น หลายอย่างเราทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน อาจจะไม่เข้าใจกันอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร
จากนั้นผู้แทนเด็กกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และนายกฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกับเด็ก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านการประกวด รวมถึงครูและผู้บริหาร ก่อนเยี่ยมชมนิทรรศการภาพวาดที่ชนะการประกวด ที่ห้องโถงกลาง ตึกสันติไมตรี