ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จีนขอบคุณไทย สู้วิกฤตไวรัสอู่ฮั่น เชื่อเอาชนะได้แน่ ฮือฮา "หมอราชวิถี" พบวิธีปราบเชื้อร้าย รักษาหายใน 48ชม.
เฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย Chinese Embassy Bangkok โพสต์ ข้อความระบุ จีน-ไทย ร่วมมือต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
โดยในการรับมือกับโรคระบาดนั้น ฝ่ายจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการประสานงานและร่วมมือกับฝ่ายไทย โดยสถานทูตจีน มีการติดต่อประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานอื่นๆ ของไทยอย่างใกล้ชิด โดยได้ดำเนินการความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ อาทิ การส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี การแบ่งปันข้อมูลด้านสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ การดูแลประชาชนของอีกฝ่ายหนึ่งที่พำนักอยู่ในประเทศของตน ตลอดจนรักษา ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขไทย ณ วันที่ 31 มกราคม เวลา 24.00 น. พบว่ามีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสฯ 19 ราย 17 รายเป็นชาวจีน และ 2 รายเป็นชาวไทย ในจำนวนนี้ มี 7 ราย ที่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว และ 4 รายในนั้น ได้เดินทางกลับประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวจีนมีอาการป่วย และเข้ารักษาในสถานพยาบาลของไทยนั้น ฝ่ายไทยได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจีนเป็นอย่างดี ในการนี้ ขอขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน ฝ่ายจีนก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องชีวิตและสุขภาพร่างกายของชาวไทยในประเทศจีน โดยมีการติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลไทยตลอดจนสถานทูตและสถานกงสุลไทยประจำประเทศจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนและร่วมกันดูแลชาวไทยในอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆ เรามีความเชื่อมั่นว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย จีนและไทยจะสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของโรคระบาดนี้ให้ได้อย่างแน่นอน
ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดยังไม่น่าไว้วางใจ "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บอกข่าวดี คือ “แพทย์จากรพ.ราชวิถี” ได้รายงานเรื่องของการรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มารักษาที่ รพ.ราชวิถี แล้วพบวิธีการรักษาที่ได้ผลรวดเร็ว การฟื้นตัวของคนไข้รวดเร็ว ซึ่งมีคนไข้รายหนึ่งมีอาการค่อนข้างที่จะรุนแรงแต่อาการดีขึ้น
เรื่องนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี โดยหมอที่รายงานการค้นพบวิธีรักษาคือ “นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช” เป็นคุณหมออายุรกรรม เชี่ยวชาญทางเดินหายใจและปอด และ “นพ.สืบสาย คงแสงดาว” เป็นคุณหมออายุรกรรม ด้านระบบประสาท (Neuro)ทั้ง 2 ได้ทำการทดลองใช้ยาต้านไวรัส 2 ชนิด ทำการรักษาคนไข้ที่อาการหนัก ซึ่งเป็นคนไข้ที่เข้ามารักษาที่ราชวิถีถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลในหัวหิน เป็นคนจีนที่มาจากอู่ฮั่น อายุ 71 ปี
ผลการทดลองรักษาด้วยกลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ และยาต้านไวรัสไข้หวัด ภายในไม่ถึง 12 ชม. จากที่คนไข้ลุกขึ้นไม่ได้ อ่อนเพลีย ก็กลับมาลุกขึ้นนั่งได้ และ ไข้ลดลง ภายใน 48 ชั่วโมง ผลตรวจเชื้อไวรัสปรากฏว่า เป็นลบ ซึ่งเป็นผลแล็บที่ยืนยันจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
น่าชื่นชมกว่านั้นว่า ยาต้านไวรัสที่ว่านี่ ทีมแพทย์ได้ทดลองใช้ยาต้านเชื้อไข้หวัดใหญ่ ขององค์การเภสัชของไทยเอง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็คาดว่าผลการทดลองที่ได้ผลจะเอาไว้ใช้ในเคสที่หนักต่อไป
เรียกได้ว่าในวิกฤติ ก็มีข่าวดี คนที่ใจชื้นขึ้นบ้างก็คงไม่พ้น"หมอหนู" อนุทิน ที่ช่วงนี้งานเข้ามากกว่าใครในการประชุมระดมสมองในการรับมือกับสถานการณ์ตลอดเวลา
**"ลุงมิ่ง" เอาไง จะยังคงยืนยัน "คำไหน คำนั้น" เหมือนในอดีตหรือเปล่า เมื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ถอนตัวจากฝ่ายค้านแล้ว
พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.63 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปรายอีก 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
และในวันเดียวกันนั้นเอง "สุภดิช อากาศฤกษ์" รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็ทำหนังสือถึง"สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ระบุว่าต้องการทำงานเป็นอิสระ ตามแนวทางของพรรค
จึงเกิดคำถามตามมาทันทีว่า แล้ว "ลุงมิ่ง" มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ จะเอายังไง... เพราะก่อนหน้านี้ "ลุงมิ่ง" ยืนยันว่าจะทำหน้าที่อยู่ฝ่าย"ประชาธิปไตย" และยังย้ำว่าพูดแล้วไม่คืนคำ ... "คำไหน คำนั้น"
พรรคเศรษฐกิจใหม่ ปัจจุบันมี ส.ส. 6 คน หนึ่งในนั้นคือ "ลุงมิ่ง" ที่เคยประกาศตัวมาตลอดว่า จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพราะไม่ต้องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี...
ต่อมาในช่วงที่กระแส "งูเห่า" มาแรง "ลุงมิ่ง" ก็ลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยให้ "สุภดิช อากาศฤกษ์" รักษาการหัวหน้าพรรคแทน... ซึ่งในช่วงนี้ก็มีกระแสข่าวที่บ่งบอกถึงพฤติกรรมของคนในพรรค ออกมาเป็นระยะๆ ว่า "พรรคเศรษฐกิจใหม่" แม้"ตัว" จะยังเป็นฝ่ายค้าน แต่"ใจ" ไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาลแล้ว
เมื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ยื่นหนังสือขอถอนตัวจากฝ่ายค้าน ในช่วงที่กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คำถามจึงพุ่งเป้าไปที่"ลุงมิ่ง"คนเดียว เพราะส.ส.ในพรรคอีก 5 คนนั้น เป็นที่เข้าใจกันได้ว่า รอบนี้โหวตหนุนรัฐบาลแน่
ล่าสุด เฟซบุ๊ก "การเมืองไทย ในกะลา" อ้างถึงเฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul ของ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ"เจี๊ยบ นครปฐม" ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่โพสต์เอาไว้ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.63 ว่า... "เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์ เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วย มรณา"
และได้เอาคำพูดในอดีต ที่ "ลุงมิ่ง" เคยกล่าวเอาไว้ว่า... "เราเป็นคนรักษาคำพูดกันทั้งพรรคไม่ใช่ผมคนเดียว คำไหนคำนั้น" มาตั้งแท่นไว้
ตามด้วยความเห็นของ "พล.ท.พงศกร รอดชมภู" รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เข้าไปโพสต์ความเห็นในเพจเฟซบุ๊กของ "เจี๊ยบ-อมรรัตน์" ข้อความว่า "เห็นแววมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว...
พร้อมกับตอบโพสต์ของ Pol Pakapolที่โพสต์ข้อความว่า พงศกร รอดชมภู ทีแรกผมก็กะว่า น่าจะได้เต็มที่ก็เสียงเดียว คือหน.พรรค แต่พอตอนนี้จะได้กล้วยล่อ ก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างมั้งครับ
โดย พล.ท.พงศกร ตอบว่า “จริงๆ เขามีนายทุนจากฝั่งนั้นมาขอแบ่งคะแนนแต่แรกแล้วครับ"
ไม่เพียงเท่านั้น ทวิตเตอร์ Jeab Amarat @AmaratJeab ยังโพสต์ข้อความระบุว่า ..."ถึงเวลาต้องนิยามคำว่า "คำไหนคำนั้น" กันใหม่"...
นั่นเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ "ลุงมิ่ง" จากคนของพรรคอนาคตใหม่ ที่ปรากฏในโซเชียลฯ
เมื่อเป็นดังนี้ "ลุงมิ่ง"จึงต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่าจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในวันนี้ (3 ก.พ.) เวลา 11.00 น. ที่ ห้องแถลงข่าว รัฐสภา...ก็คงต้องติดตามกันว่าการแถลงในวันนี้ จุดยืนของ "ลุงมิ่ง" จะยังคงยึด "คำไหน คำนั้น" ที่ไม่เอา "ลุงตู่" หรือไม่ ... หรือจะออกมาบอกว่า มีความจำเป็นที่ต้อง "กลับลำ" เพราะต้อง "ปฏิบัติตามมติพรรค"
ก็ต้องจับตาในวันโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า "ลุงมิ่ง" จะโหวตไปทางไหน... ถ้าเกิดพรรคเศรษฐกิจใหม่ มีมติโหวตไว้วางใจรัฐบาล แล้ว "ลุงมิ่ง" โหวตสวน ก็จะขัดมติพรรค อาจถูกขับพ้นพรรคได้... แต่ถ้าโหวตหนุนรัฐบาลไปตามมติพรรค "ลุงมิ่ง" ก็คง "ตายในทางการเมือง" ตั้งแต่บัดนั้น !!