“วิษณุ” แจงคำสั่งย้าย “วิระชัย” ช่วยงานสำนักนายกฯ ไม่นาน เพื่อสะดวกต่อการสอบสวน ยังไม่ขาดตำแหน่งเดิม ส่วนการย้าย “ชัยวัฒน์” เป็นอำนาจ ผบ.ตร. เพื่อความเหมาะสม ไม่มีการสอบสวน ส่วนคำสั่งเตือน “โจ๊ก” เพราะมีเรื่องร้องเรียนแต่ยังไม่ชัด จึงปรามไว้ก่อน ถ้ามีอีกโดนสอบแน่ พร้อมส่งสัญญาณถึงอีกหลายคน
วันนี้ (25 ม.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ว่า คำสั่งนี้เป็นเรื่องภายในของ สตช.เป็นการใช้อำนาจของ ผบ.ตร. เรื่องของความเหมาะสม โดยไม่ได้มีการสอบสวนอะไร
ส่วนกรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.นั้น เป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการมาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว โดยมีระยะเวลาไม่นาน เพื่อให้สะดวกต่อการสอบสวนที่มีอยู่ขณะนี้ เว้นแต่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ตรงนี้เป็นการอาศัย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ จึงเป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะพิจารณา ไม่ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่ต้องโปรดเกล้าฯ และยังไม่พ้นจากตำแหน่งเดิม ถือว่าเป็นการมาแค่ตัว แต่ยังรับเงินเดือนที่สังกัดเดิม โดย พล.ต.อ.วิระชัย รับทราบคำสั่งแล้ว
ส่วนคำสั่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นการเตือนและปรามไว้ก่อน เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน แต่ยังไม่ชัดเจนมากพอ และถ้ามีการร้องเรียนที่ชัดเจนก็เป็นหน้าที่ของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่จะสอบสวน ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นการเตือนและปรามไว้ก่อนเท่านั้น ไม่ได้มีการลงโทษอะไร และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รับทราบแล้ว ซึ่งต้องระวังอย่าทำผิดวินัย การที่คำสั่งต้องระบุอะไรหลายอย่าง เพราะมีเรื่องร้องเรียนที่เข้าข่ายจึงต้องเตือนให้รู้ตัว
ส่วนที่มีคำถามอีกว่าทำไมถึงไม่เตือน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โดยตรง ทำไมต้องออกเป็นคำสั่ง นายวิษณุกล่าวว่า เพราะเป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจที่อ้างตามกฎหมาย และต้องการส่งสัญญาณไปถึงหลายคนเพื่อให้รับทราบเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ก็เคยมีการเตือนในลักษณะนี้ แต่เป็นระดับอธิบดี ปลัดเตือน จึงไม่ได้รับความสนใจอะไร ไม่เหมือนกรณีนี้เหมือนที่นายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชาจึงต้องลงมาเซ็นเอง สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่มีรถและเงินเดือนประจำตำแหน่ง ไม่มีสิทธิอะไร เมื่อมาอยู่ตรงนี้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายงาน โดยจะลดการมอบหมายลงไประยะหนึ่ง ส่วนจะคืนงานกลับให้หรือไม่ ค่อยพิจารณาว่ากันอีกที
ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ได้มารายงานตัวกับตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเย็นวันที่ 24 มกราคม ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทำเนียบรัฐบาล หลังมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการส่งตัวมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ส่วนการมอบหมายให้ พล.ต.อ.วิระชัย ปฏิบัติงานเรื่องใด จะหารือกับผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องเพื่อมอบหมายงานที่เหมาะสมให้ต่อไป ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาลงนามรับทราบคำสั่งแล้วเช่นกัน โดยได้กำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และหากมีกรณีไม่รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการเกิดขึ้น จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป