xs
xsm
sm
md
lg

“เศรษฐพงค์” แนะรัฐบาลบูรณาการข้อมูลจากกล้องวงจรปิดทั้งรัฐ-เอกชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.ส.ภูมิใจไทย” แนะรัฐบาลบูรณาการข้อมูลจากกล้อง CCTV ทั้งรัฐ-เอกชนเป็นหนึ่งเดียว ใช้วิเคราะห์วางแผน “ระวัง-ป้องกัน” และติดตามตัวคนร้ายจากเหตุอาชญากรรม

วันนี้ (16 ม.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย หารือต่อที่ประชุมว่า จากปัญหาอาชญากรรมไม่ว่าจะเป็นการฉกชิงวิ่งราว หรือแม้กระทั่งการปล้นที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน และมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต อย่างเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในการปล้นร้านทองที่จังหวัดลพบุรี ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างยิ่งเนื่องจากทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ตนต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเราสามารถที่จะดำเนินการในลักษณะระวัง ป้องกัน และติดตามจับกุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบ 4G และ 5G มาบูรณาการเพื่อพัฒนาออกมาเป็นนโยบายในลักษณะสร้างเป็น Big data ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากกล้อง CCTV ทั้งของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ร้านค้า ประชาชน รวมถึงกล้องหน้ารถยนต์ ให้นำเข้ามารวมไว้ในแพลตฟอร์มเดียวเพื่อช่วยในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนซึ่งสามารถทำได้ทันที

พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวว่า มีตัวอย่างในต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเรียกว่า Public and private video surveillance มีลักษณะการทำงานคือจะมีแพลตฟอร์มกลาง โดยกล้องทุกตัวที่อยู่ในเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชนจะส่งข้อมูลเข้ามายังแพลตฟอร์มนั้น แล้วนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาวิเคราะห์ ตรวจหาความเสี่ยงก่อนที่จะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือหากเกิดเหตุแล้วก็สามารถนำข้อมูลจากกล้องที่ครอบคลุมในจุดต่างๆ เข้ามาช่วยในการติดตามแกะรอยคนร้ายได้

ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทย แน่นอนว่าเราต้องการให้มีการพัฒนาระบบดังกล่าวขึ้นมาให้ใช้งานได้จริง โดยมีความเป็นไปได้อย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้มีการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไปบ้างแล้ว เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองเป็น Smart city ซึ่งสามารถนำทรัพยากรดังกล่าวมาปรับใช้กับ VDO surveillance ได้ ที่สำคัญรัฐบาลจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชน คนทั่วไป ให้นำกล้อง CCTV ของตนเองเข้ามาร่วมโครงการในการดำเนินนโยบายนี้ เช่น รัฐบาลจะให้สิทธิพิเศษในการลดภาษี หรือคนที่นำกล้องหน้ารถยนต์เข้ารวมโครงการก็จะได้ลดค่าการต่อภาษีรถยนต์

“ตรงนี้เป็นการทำ Big data ที่รวบรวมข้อมูลวิดีโอจากกล้องต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามารวมกันในแพลตฟอร์มเดียวกัน เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้ระบบ AI เข้ามาวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าความเสี่ยงเกิดเหตุร้ายมากน้อยแค่ไหน จะต้องเตรียมการป้องกันอย่างไร หรือใช้ในการติดตามคนร้ายได้ง่ายขึ้น ผมจึงอยากฝากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ได้เห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ หรือพัฒนาขึ้นมาเป็นนโยบาย ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในระยะยาวสำหรับการป้องปรามอาชญากรรม” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว.


กำลังโหลดความคิดเห็น