สภาฯ ถกงบปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายค้านติงแก้ปัญหาไม่ได้ ปริมาณยาเพิ่มทุกปี “ครูมานิตย์”แฉนำยาบ้าถูกจับเวียนออกขาย ด้าน“สมศักดิ์”แจงได้งบ 5 พ้นกว่าล้าน น้อยกว่ามูลค่ายาเสพติดที่ทะลักเข้าไทย ชี้ยาเสพติดมีเท่าเดิม แต่ปริมาณที่ถุกจับไม่ตรงข้อเท็จจริง เพราะมีรางวัลนำจับ เตรียมเสนอลด 50% แต่จะเพิ่มเงินให้ถ้าสาวไปถึงแหล่งต้นตอ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท วาระสอง ต่อเนื่องวันนี้(11 ม.ค.) เป็นวันที่ 4 เมื่อเวลา 14.00 น. ได้เข้าสู่มาตรา 43 งบบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณ จากที่เสนอขอ 5,319 ล้านบาท ให้เหลือเพียง 5,299 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่มีกรรมาธิการฯ สงวนความเห็นแต่มี ส.ส.ขออภิปราย
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนแปลกใจที่ทราบข่าวว่ามียาเสพติดระบาดเพิ่มขึ้นทุกปีและทุกจังหวัด และพบการรายงานของตำรวจถึงการจับกุมเพิ่มขึ้นทุกปี แทนที่จะลดลง ซึ่งจากการสอบถามตำรวจ ทราบว่าเจ้านายให้รายงานว่าเข้าเป้า เพื่อให้ได้รับงบประมาณเพิ่ม ดังนั้นตนอยากฝากงบประมาณที่ใช้จ่ายในแผนบูรณาการต้องเน้นการป้องกันและปราบปราม และฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ตนทราบว่าการจับกุมพ่อค้ารายใหญ่ ได้ยาบ้ามีกระบวนการเวียนเทียน เมื่อจับกุมและเก็บของกลางจะนำมาเวียนเทียนขาย ส่วนที่มีข่าวว่ามีการทำลาย เพื่อนของตนเล่าให้ฟังว่าเป็นการทำลายยาบ้าพลาสติก และยาบ้าที่แท้จริงเข้าสู่กระบวนการเวียนเทียน
ขณะที่นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายว่าการแก้ปัญหายาเสพติดไม่ทราบว่าใครเป็นประธานแก้ไข ระหว่าง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงยุติธรรม ทั้งที่ยาเสพติดถือเป็นภัยมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมา แม้ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจตามมาตรา 44 ไม่สามารถแก้ไขการระบาดของยาเสพติดได้ ตนขอฝากไปยัง พล.อ.อนุพงษษ์ ให้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ช่วยเอกซเรย์ทุกพื้นที่ที่มีข้อมูลยาเสพติดระบาด นอกจากนี้ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแสดงจุดยืนการแก้ปัญหายาเสพติด ให้ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาได้ยินเสียงร่ำลือจากประชาชน ว่า ผู้ต้องหาในเรือนจำทั่วประเทศ 70 เปอร์เซ็นต์ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เริ่มต้นเป็นผู้เสพ ออกมากลายเป็นผู้ค้า ตนไม่มั่นใจว่าจะแก้ปัญหาได้ผล แม้จะมีงบบูรณาการ
จากนั้นนายสมศักดิ์ อภิปรายว่า การระบาดยาเสพติดในประเทศไทยไม่มีมากกว่าเดิม แต่ที่ระบุว่ามียาเสพติดเพิ่มมากขึ้น เป็นเพียงการอุปทาน จากข้อมูลการผลิตยาเสพติด ที่ได้จากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย มีมูลค่าการผลิต 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และขนส่งไปทั่วโลก และมีเส้นทางผ่านประเทศไทย รวมถึง 6 ประเทศลุ่มน้ำโขง ทั้งนี้งบบูรณาการด้านยาเสพติดที่ได้รับ 5,299 ล้านบาท ถือว่าเป็นงบประมาณเพียงเล็กน้อย หากเทียบกับปริมาณยาเสพติดที่ทะลักเข้าไทย ที่มีมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม ฐานะเลขานุการคณะทำงานเกี่ยวกับแผนบูรณาการดังกล่าาว ยืนยันจะไม่ประมาท จะใช้เงินอย่างประหยัด และให้เกิดประโยชน์
นายสมศักดิ์ อภิปรายด้วยว่า ส่วนที่ ส.ส.อภิปรายถึงการจับยาบ้าและมีปริมาณที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น อาจเป็นไปได้ เนื่องจากการแจ้งจับยาเสพติดนั้นมีรางวัลนำจับ เช่น เฮโรอีน และยาไอซ์ กิโลกกรัมละ 1 แสนบาท , ยาบ้า เม็ดละ 2 บาท ซึ่งขณะนี้่มีคณะทำงานแก้ไขระเบียบสำนักนายกฯ เพื่อลดรางวัลนำจับดังกล่าวว โดยจะลดรางวัลนำจับลง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่จะเพิ่มเงินรางวัลหากการแจ้งนำจับสามารถนำสืบไปถึงต้นตอแหล่งผลิตและผู้จำหน่ายรายใหญ่และนำไปสู่กระบวนการยึดทรัพย์ ทั้งนี้ภายใน วันที่ 20 มกราคม จะนำร่างแก้ไขระเบียบสำนักนายกฯ ดังกล่าว ประกาศเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชน
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ 248 เสียงเห็นชอบ ขณะที่ 1 เสียงไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง 183 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง