รองโฆษกรัฐบาลเผยที่ประชุมเห็นชอบปรับปรุงเป็นแผนการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ครอบคลุมจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงมากขึ้น และบูรณาการในหลายด้าน เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ปีหน้า
วันนี้ (9 ม.ค.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุอายุแห่งชาติ ที่ประชุมเห็นชอบการปรับปรุงเป็นแผนการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวให้ครอบคลุมจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงมากขึ้น และเป็นการบูรณาการงานในหลายด้าน คือ ด้านสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายให้ผู้สูงอายุได้รับการตรวจ ป้องกัน และดูแลสุขภาพระยะยาวที่บ้านและในชุมชนตามระดับความจำเป็น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีระบบการเงินการคลังที่ยั่งยืนในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง
น.ส.รัชดากล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ คือมีผู้สูงอายุเกิน 20% ของประชากร คิดเป็นจำนวน 13ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 28% ในปี 2574 ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของสังคมในกลุ่มผู้ก่อนถึงวัยสูงอายุ (25-59 ปี) จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยกันโดยเน้นเรื่องการออม การไม่มองผู้สูงอายุเป็นภาระ วิธีการดูแลผู้สูงอายุ และการปรับสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพผู้สูงอายุ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ขับเคลื่อนโครงการตามแผนปฏิบัติการผู้สูงอายุแห่งชาติ ครอบคลุมทั้งกลุ่มก่อนวัยสูงอายุและกลุ่มผู้สูงอายุ มีโครงการ เช่น โครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ โครงการส่งเสริมการออมพร้อมสู่สูงวัย โครงการสร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ โครงการส่งเสริมความรู้และเข้าถึงดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ โครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุ” โครงการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ แรงงานสูงอายุ และแรงงานผู้พิการ ซึ่งในเรื่องการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำและรายได้ เป็นเรื่องที่รองนายกฯ จุรินทร์ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ออกแบบเนื้อหาหลักสูตรที่จะสอนผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับยุคสมัยและสามารถนำไปสร้างรายได้ได้จริง