ทีมโฆษกรัฐบาล เผย ครม.รับทราบผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะที่ 1 ผ่านการรับรอง 1.08 ล้านราย จ่ายชดเชยแล้ว 6 พันล. พร้อมรับทราบผลการประชุมคณะกก.นโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
วันนี้ (7 ม.ค.) ทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะที่ 1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะที่ 1 งวดที่ 1 (วันที่ 1 – 15 พฤศจิกายน 2562) โครงการฯตั้งกรอบวงเงินไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท จากจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 จำนวน 1.4 ล้านราย ได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว 1.14 ล้านราย ผ่านการรับรอง 1.08 ล้านราย
ข้อมูล ณ วันที่ 5 มกราคม 2563 การยางแห่งประเทศไทยรายงานว่า ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างแล้ว 1,062,539 ราย เป็นเงิน 6,342 ล้านบาท ระหว่างนี้กำลังเร่งรัดดำเนินการโอนเงินแก่เกษตรกร
ในส่วนของเกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการ แต่ยังไม่ได้รับการจ่ายเงินประกันรายได้ งวดที่ 1 เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการตรวจรับรองสิทธิเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินประกันรายได้ และเป็นการป้องกันการทุจริต ซึ่งเมื่อผ่านการตรวจรับรองสิทธิ การดำเนินงานของการยางแห่งประเทศไทยจะจัดพิมพ์รายชื่อเกษตรกรชาวสวนยางจากระบบ ติดประกาศ ณ ที่ทำการหมู่บ้านหรือจุดชุมชนหมู่บ้าน คณะทำงานโครงการระดับตำบลพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเกษตรกรชาวสวนยางและระบุผลรับรองหรือไม่รับรอง
รายชื่อเกษตรกรที่ผ่านการรับรองจะถูกส่งไปธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ กรณีไม่ผ่านการรับรอง เกษตรกรสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะทำงานโครงการฯ ระดับตำบล และกรณีที่ไม่ผ่านการรับรองจากคณะทำงานโครงการฯ ระดับตำบล สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการบริหารโครงการฯ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า เมื่องบประมาณปี2563 ผ่านกระบวนการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ทุกส่วนราชการเร่งใช้ยางพาราให้บรรลุตามเป้าหมายแผนการใช้ยางพารา โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้ประสานงานและติดตามงาน
คณะรัฐมนตรียังรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา
1. มาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 0.16 ล้านตันแรก โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รับซื้อปาล์มน้ำมันดิบเพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ครบตามเป้าหมายและนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562
2. โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2562-2563 โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่จ่ายแก่เกษตรกรครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ กิโลกรัมละ 4 บาท (คุณภาพน้ำมัน 18 เปอร์เซ็นต์) ผลการดำเนินการจ่ายเงินสำหรับงวดที่ 1-2 (1 ตุลาคม 2562 - 15 พฤศจิกายน 2562) มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 3.24 แสนครัวเรือน พื้นที่ 6.32 ล้านไร่ รวมวงเงินชดเชยที่จ่ายให้แก่เกษตรกร 2.267 พันล้านบาท สำหรับงวดที่ 3 (ธันวาคม 2562) ไม่มีการจ่ายเงินสำหรับประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน เนื่องจากราคาอ้างอิงที่กิโลกรัมละ 4.36 บาท สูงกว่าราคาประกัน
3. การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล โดยกระทรวงพลังงาน
-น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 มีสถานีบริการจำหน่ายรวม 2,819 แห่ง
-น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B10 มีสถานีบริการจำหน่ายรวม 521 แห่ง
4. เห็นชอบแก้ไขการขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มนอกโควตา องค์การการค้าโลก (WTO) จากเดิมกำหนดให้ขึ้นทะเบียนครั้งเดียวโดยไม่กำหนดวันหมดอายุ เป็นกำหนดให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้ากับกรมการค้าต่างประเทศเป็นรายปี เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะปัจจุบันของผู้นำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. กำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม เพื่อป้องกันการนำเข้าผิดกฎหมาย
- ด่านนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
- ด่านนำผ่านสินค้าฯ ด่านต้นทาง คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ด่านปลายทาง คือ 1) ด่านศุลกากรจันทบุรี เป็นด่านปลายทางไปยังกัมพูชา 2) ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นด่านปลายทางไปยังลาว 3) ด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านปลายทางไปยังเมียนมา กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจะต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป