หน.พลังธรรมใหม่ เรียร้อง รมว.คมนาคม จัดประชุมร่วมถกเทอร์มินัล 2 จะสร้างแบบใด หากยังดื้อสร้างแบบตัดแปะโดยไม่ฟังเสียงค้าน หวั่น รมต.จะถูกครหาว่าเอื้อประโยชน์นายทุนพวกพ้อง
วันนี้ (19 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีการสร้างเทอร์มินัล 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า จากการที่องค์กรวิชาชีพกว่า 10 องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเทอร์มินอล 2 ได้เคยออกมาคัดค้านการสร้างเทอร์มินัล 2 แบบตัดแปะ และขอให้ดำเนินสร้างตามแผนแม่บท หรือ master plan เดิม โดยระบุถึงเหตุผลหลักหลายๆ เรื่อง แต่หลังจากนั้นทางนายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้แสดงท่าทีว่าจะยังสร้างเทอร์มินัล 2 แบบตัดแปะ และไม่ยอมเปิดให้มีการจัดประชุมร่วมระหว่างสมาคมวิชาชีพต่างๆ ที่คัดค้าน ซึ่งได้มีการขอให้มีการประชุมร่วมกับทาง ทอท.เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ถึงข้อดีและข้อเสียของการสร้างเทอร์มินัลทั้ง 2 รูปแบบนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ
นพ.ระวีกล่าวต่อว่า โดยเมื่อเดือนที่แล้ววิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดเสวนาในประเด็นนี้ โดยมี ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการ กทม.เข้าร่วม โดยเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ทางนายนิตินัยกลับออกมาพูดในลักษณะข่มขู่ว่าหากพูดไม่ดีจะถูกดำเนินคดี สิ่งที่เกิดขึ้นทางพรรคพลังธรรมใหม่มีความเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการลงทุนมหาศาล เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิถือเป็นจุดสำคัญที่สุดในการทำรายได้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ถ้าสร้างไม่ดีโอกาสที่สนามบินสุวรรณภูมิจะติดอันดับสนามบินต้นๆ เป็นไปได้ยากมาก
นพ.ระวีกล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ โดยจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ทอท., เจ้าหน้าที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และสมาคมวิชาชีพต่างๆ ที่ออกมาคัดค้าน ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่และต่อเนื่องจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าควรที่จะสร้างเทอร์มินัล 2 ตามแผนแม่บท หรือแบบตัดแปะ โดยจะได้มีคำตอบที่ชัดเจนชัดเจนร่วมกัน
“ผมมีความเห็นว่าหากรัฐมนตรีศักดิ์สยามไม่ดำเนินการในรูปแบบนี้ และยืนยันที่จะสร้างเทอร์มินัล 2 แบบตัดแปะ ผมกลัวว่าอาจจะเกิดข้อครหานินทาได้ว่ารัฐมนตรีทำเพื่อผลประโยชน์ต่อนายทุนที่ใกล้ชิดกับตัวเองหรือไม่ ตรงนี้คือเรื่องที่ผมเป็นห่วงว่าจะเกิดข่าวที่ไม่ดีออกมาได้ในอนาคต” นพ.ระวีกล่าว