“อนุทิน” ขอรอมติพรรคอนาคตใหม่ชัดๆ รับ ส.ส.ที่ถูกขับไล่ เข้าพรรคหรือไม่ ขอเช็กข้อกฎหมายก่อน มั่นใจโดนขับออกต้องย้ายฝั่งมาร่วมรัฐบาล โวพรรคภูมิใจไทยเข้มแข็งที่ผลงาน
วันนี้ (17 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าว 4 งูเห่าของพรรคอนาคตใหม่จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับใคร เมื่อวันที่ 11ธ.ค.ที่มีข่าวของพรรคอนาคตใหม่ออกมา ตนก็ทราบตอนที่มีการออกข่าวมาแล้ว เมื่อถามว่าเห็นก่อนหน้านี้ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่เคยมาพบที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า เขามาประสานเรื่องโครงการที่ยังค้างคาอยู่ของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในเขตเลือกตั้งของเขา อย่างที่บอกกระทรวงสาธารณสุขดูแลคน จะเลือกพรรคไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน แล้วอย่างนี้พื้นที่ที่ไม่มีฝ่ายรัฐบาลเป็น ส.ส.ใครจะดูแล คนป่วยคือคนไทยทุกคนเมื่อถามว่ามีเงื่อนไขหรือไม่หากเขาจะย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้คิด และข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไร จึงยังไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้นการเมืองยังไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องขาดนู่นขาดนี่เมื่อถามว่าถ้าจะตัดสินใจจะต้องเป็นมติของที่ประชุมพรรคหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า ยังไม่รู้เลย ต้องขอเช็กก่อนว่ามีกฎระเบียบอะไรหรือไม่ แต่ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้อยู่แล้วว่าต้องหาพรรคสังกัดภายใน 30 วัน คงจะมีขั้นตอนอะไรต่างๆ อยู่แล้ว อย่าเพิ่งไปซีเรียส ปีใหม่แล้ว และการที่จะเพิ่มเข้ามา 4 คนแล้วมีอะไรดีขึ้นหรือไม่
เมื่อถามว่าถ้าหากมาอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยจริงก็จะทำให้เกิดความเข้มแข็งกับพรรคหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราทำงาน ความเข้มแข็งอยู่ที่ผลงาน เรารู้สึกได้เองไม่ต้องให้ใครมาบอก เมื่อถามว่าหากมาจริงก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องมานั่งดูเงื่อนไขอะไรเป็นยังไงยังไม่ได้คิดอย่างที่บอกการขับออกเป็นทางการหรือยังชเราก็ยังไม่รู้ ข่าวบางกระแสบอกว่าเป็นเพียงแนวคิด อีกกระแสบอกว่าขับเรียบร้อยแล้ว ถ้าขับแบบนี้ก็แน่นอนว่าอย่างน้อยเขาไม่ได้อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เราก็ไม่ต้องไปคิดอะไร เมื่อถามว่าการที่จะย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเขาอาจจะอุ่นใจที่มาอยู่พรรคกลางๆ จะไม่โดนโจมตีมากเกินไป นายอนุทินกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยบอกแล้วว่ามาทำงาน เอาผลงานเอาการทำงานเป็นหลัก เรื่องการเมืองเป็นเรื่องรอง เราต้องรู้ตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นพรรคใหญ่หรือพรรคหลัก ถ้าสังเกตอยู่ในสภาวะที่อยู่ในระเบียบวินัยมาตลอดโหวตเมื่อไหร่ก็ทำตามมติของพรรคร่วมรัฐบาลทุกครั้งไม่มีปัญหาตรงนี้คือจุดแข็งของพรรคภูมิใจไทย