"จุรินทร์"อบรมยุวประชาธิปัตย์ ย้ำระบบรัฐสภาของไทยต่างจากระบบประธานาธิบดี เพราะถ้ารัฐบาลแพ้โหวตต้องลาออกหรือยุบสภา จึงจำเป็นต้องมีวิปรัฐบาลไว้ควบคุมเสียง เมื่อวิปมีมติแล้วทุกพรรคต้องยึดมั่น ไม่ทำตามเอกเทศของตัวเอง ถ้าไม่ทำตามก็ต้องตัดสินใจทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง
วันนี้(7 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานพิธีในการมอบรางวัลจากโครงการฝึกอบรมยุวประชาธิปัตย์ “Young Democrat” “พลังคนรุ่นใหม่ พลังขับเคลื่อนใหม่” ณ ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์ โดยได้กล่าวแสดงความยินดี และให้นโยบายถึงบทบาทของยุวประชาธิปัตย์ ในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนพรรคตอนหนึ่งว่า ระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไม่เหมือนระบบประธานาธิบดี เพราะประธานาธิบดีถูกเลือกมาจากประชาชน อยู่จนครบ 4 ปี ไม่มียุบสภา เช่นเดียวกันกับ ส.ส. ส.ว.ที่ประชาชนเลือกมา ต่างคนต่างก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ไม่ต้องยึดโยงเหมือนระบบรัฐสภา เพราะฉะนั้นในระบบประธานาธิบดี ส.ส.จะโหวตไปทางไหนก็ได้ โหวตรัฐบาลแพ้ก็ได้ โหวตกฎหมายรัฐบาลชนะก็ได้ ไม่มีผลให้ประธานาธิบดีลาออกหรือยุบสภา แต่ของเราคือระบบรัฐสภา รัฐบาลจะอยู่ได้ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภาของ ส.ส. เพราะรัฐบาลจะตั้งได้ต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หากได้เสียงมาน้อยก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ไม่สามารถอยู่ได้ ถ้าถูกโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะแพ้เสียงในรัฐสภาก็ต้องออกไปตามกฎหมาย
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่าในการเสนอกฎหมายแล้วไม่ผ่านแพ้เสียงฝ่ายค้าน รัฐบาลก็ต้องลาออกหรือยุบสภา เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับรัฐบาล ในระบอบรัฐสภาที่ประเทศไทยใช้อยู่ จึงจำเป็นจะต้องมีวิปรัฐบาลไว้ควบคุมเสียงฟากรัฐบาลเพื่อคุมรัฐบาลให้มีเสียงข้างมากไว้เสมอ
นายจุรินทร์กล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาลผสม ทุกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีสิทธิ์ที่จะมีมติพรรค แต่มติพรรคนั้นสุดท้ายต้องนำไปหารือร่วมกับที่ประชุมวิปรัฐบาล เพื่อหามติร่วมกัน และเมื่อวิปรัฐบาลมีมติว่าอย่างไรก็จะต้องนำกลับมาสู่ที่ประชุมพรรค หากที่ประชุมพรรคไม่เห็นด้วยก็ต้องนำกลับไปสู่ที่ประชุมวิปรัฐบาลอีกครั้ง จนกว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะเห็นสอดคล้องต้องกัน ให้เป็นมติวิปรัฐบาล เมื่อมีมติวิปรัฐบาลแล้ว ทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลก็ต้องยึดมตินั้น ไม่ใช่ปฏิบัติไปตามเอกเทศของมติพรรค หรือมติตัวเอง แต่ถ้าไม่สามารถทำตามได้ก็ต้องตัดสินใจทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง