ส.ส.รัฐบาล-รมต.ตบเท้าร่วมประชุมสภาฯครบครัน วิปดูแลเสียงตลอดเวลา ก่อนลุยญัตตินับคะแนนใหม่ ฝ่านค้านเมินร่วมตามคาด แต่รบ.ได้เฮลั่น เช็คองค์ประชุมครบ 259 เสียง 10 ส.ส.ฝ่ายค้านโผล่ลงชื่อ
วันนี้ (4ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนกระทั่งบ่าย ส.ส.ซีกรัฐบาลและบรรดารัฐมนตรีที่เป็นส.ส.อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอธิรัช รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้ทยอยเดินทางมาถึงรัฐสภากันอย่างต่อเนื่อง ตามที่วิปรัฐบาลสั่งการให้ส.ส. และรัฐมนตรีทุกคนให้มาอยู่พร้อมเพรียงกันบริเวณห้องประชุมสภา หรือบริเวณรอบๆห้องประชุมตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป พร้อมกับมีการให้วิปรัฐบาล 1คน เช็กเสียงส.ส.6 คนที่อยู่ในการดูแลอยู่ตลอดเวลาว่า มาครบถ้วนแล้วหรือยัง โดยให้วิปแต่ละพรรคแจ้งมายังวิปรัฐบาลว่า แต่ละพรรคยังขาดใครบ้าง กระทั่งเวลา 16.00 น. หลังจากที่วิปรัฐบาลเช็กเสียงจากทุกพรรครัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จึงได้คอนเฟิร์มว่า ได้เสียงครบองค์ประชุมแล้ว 250เสียง
ต่อมาเมื่อเวลา 17.36 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฏร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้แจ้งให้ทราบถึงกรณีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ จากนั้นได้เข้าสู่วาระญัตติด่วน โดยสมาชิกได้หารือ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เสนอให้รัฐบาลถอนญัตตินับองค์ประชุม แต่นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันไม่ถอนญัตติ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อยืนยันเช่นนั้นพวกตนเสียงข้างน้อยก็ขอยืนยันไม่ขออยู่ร่วมประชุม
นายสุชาติ กล่าวว่า ตนมาอยู่สิบสมัยก็ปฏิบัติอย่างนี้มาโดยตลอด ข้อบังคับก้เขีนล้อแบบนี้มาตลอด เปลี่ยนวิธีการนับ เขียนในตัวว่าให้นับคะแนนใหม่
นายชินวรณ์ บุญยเกรียติ์ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การนับองค์ประชุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 120 กำหนดว่าที่ประชุมต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ฉะนั้นสมาชิกสามารถเสนอให้นับองค์ประชุมได้ด้วย แต่ต่อมามีการเพิ่มข้อความเพิ่มขึ้นว่าก่อนลงมติเรื่องใดๆแล้วแต่ต้องให้มีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนทุกครั้ง โดยเปิดเผย ตามข้อ 83 คือใช้เครื่องตรวจออกเสียงตามที่ประธานกำหนด ดังนั้นเมื่อมีการใช้ไปแล้วแต่มีสมาชิกขอนับใหม่ ก็ต้องเป็นไปตามข้อ85 คือ เมื่อมีการออกเสียงลงคะแนนตาม ข้อ 83(1) แล้ว ถ้าสมาชิกร้องขอให้มีการนับใหม่ โดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ก็ให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่ และให้เปลี่ยนวิธีการลงคะแนนเป็นวิธี ตามข้อ 83(2) เว้นแต่คะแนนเสียงต่างกันเกินกว่ายี่สิบห้าคะแนนจะขอให้มีการนับคะแนนเสียงใหม่ ไม่ได้
นพ.ชลน่านยังขอให้ฝ่ายรัฐบาลถอนญัตติ เพราะไม่อยากส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ขอให้สภาประคับประคองสภากันเอง อย่าให้องค์กรอื่นมายุ่ง หรือมีอิทธิพลกับเรามากเกินไป
จนเมื่อเวลา 18.09 น. นายสุชาติกดสัญญาณนับองค์ประชุมสมาชิกฝ่ายค้านได้ทยอยลุกเดินออกจากห้องประชุมไป ขณะที่สมาชิกฝ่ายรัฐบาลต่างกดบัตรแสดงตนปรากฎว่ามีจำนวนสมาชิกอยู่ในห้องประชุม259คน ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลพากันปรบมือดีใจ
จากนั้นที่ประชุมเริ่มให้มีการลงคะแนนอีกครั้งด้วยการขานชื่อสมาชิกโดยเรียงตามลำดับ โดยไม่มีสมาชิกฝ่ายค้านร่วมอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีส.ส.ของพรรคฝ่ายค้าน ได้แสดงตนเพื่อนับเป็นองค์ประชุม จำนวน 10 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 3 คน ได้แก่ นายขจิต ชัยนิคม ส.ส. อุดรธานี , น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม., พรรคอนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส. จันทบุรี, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน ได้แก่ นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ, นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ พรรคประชาชาติ 1 คนได้แก่ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี