“วันที่ 25 พฤศจิกายน ผมจะมา”
นั่นเป็นคำพูดของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโตของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อถูกถามหลังจากเสร็จสิ้นการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายในคดีร่วมกันฟอกเงินที่เขาตกเป็นจำเลยในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดยในวันนั้นเป็นที่น่าสังเกตว่า นายพานทองแท้ มีร่างกายและใบหน้าที่ซูบผอมลงไปมาก แต่ต่อมา “อุ๊งอิ๊ง” หรือ แพรทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร มีการโพสต์ข้อความในเวลาต่อมาว่า “สบายดี แต่อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต” ขณะที่ “เอม” หรือ พิณทองทา ชินวัตร ลูกสาวคนกลาง ระบุว่า “ไม่ได้เป็นโรคอะไรคะ แต่อาจเป็นโรคโดนใส่ร้ายค่ะ”
ทั้งนี้คดีดังกล่าว นายพานทองแท้ ชินวัตร ถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องในคดีร่วมกันฟอกเงินเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 ซึ่งต่อเนื่องมาจากคดีทุจริตเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยที่ปล่อยกู้ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร โดยก่อนหน้านี้ นายวิชัย กฤษดาธานนท์ และ นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ รวมทั้งอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยถูกพิพากษาคดีถึงที่สุดถูกจำคุกคนละ 12 ปี
อย่างไรก็ดี นายวิชัย กฤษดาธานนท์ และ นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ กับพวกรวม 6 คน ยังถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีร่วมกันฟอกเงิน ในคดีเดียวกับ นายพานทองแท้ ชินวัตรอีกด้วย
สำหรับ นายพานทองแท้ ถูกระบุว่ารับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเงินนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยฯ กับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 80 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนายวิชัย
โดยนายพานทองเเท้ให้การปฏิเสธมาตั้งเเต่ชั้นสอบสวนที่มีพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เป็นผู้ทำสำนวนทั้งยังมีอัยการจากสำนักงานสอบสวนร่วมสอบสวนด้วย จนถึงชั้นศาล นายพานทองแท้ จำเลย ก็ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้ร่วมลงทุนกับนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร
ที่ผ่านมาศาลนัดไต่สวนพยาน 3 นัด คือ วันที่ 24,25 และ 26 กันยายนซึ่งวันที่ 24 และ 25 ได้ไต่สวนพยานไปแล้ว 4 ปาก ซึ่งเป็นพยานโจกท์และพยานที่โจทก์และจำเลยอ้างร่วมกัน โดย นายพานทองเเท้ขึ้นเบิกความเองในวันนัดสืบพยานปากสุดท้ายวันที่ 26 โดยหลังเบิกความเสร็จวันดังกล่าว ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น.
แม้ว่าก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร จะยืนยันว่าจะไม่หนี จะสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยอ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด และคดีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีแรงจูงใจทางการเมือง หรือถูกกลั่นแกล้งมาตลอด แต่อย่างไรก็ดีหลังจากที่ นายพานทองแท้ ได้ขึ้นเบิกความด้วยตัวเองในวันสืบพยานปากสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว เขาก็กบดานเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวให้เห็นทางสังคม หรือมีการให้สัมภาษณ์ รวมไปถึงไม่มีความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด โดยครั้งหลังสุดน่าจะเป็นวันที่มีผู้โพสต์ข้อความไปสอบถามว่ามีปัญหาสุขภาพหรือไม่ หลังจากที่เห็นว่าเขามีร่างกายซุบผอมผิดปกติ ซึ่งน้องสาวทั้งสองคนก็โพสต์ตอบแทนว่าปกติดี แต่อาจจะมีความเครียดเพราะเจอเรื่องใหญ่(คดี)ในชีวิต รวมไปถึงประชดประชันว่า “เป็นโรคถูกกลั่นแกล้ง” อะไรประมาณนี้ ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวก็โพสต์ตามมาว่า “สบายดีหรือยังไม่ตาย”
การหายเงียบไปของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ในช่วงที่ผ่านมาของเขาทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการ “หลบหนี” เหมือนกับ นายทักษิณ ชินวัตร พ่อและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาของเขาที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศเวลานี้ โดยทั้งคู่ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาให้จำคุก
ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร เคยประกาศเอาไว้ว่าจะไม่ยอมติดคุกในประเทศไทย รวมทั้งจะไม่ยอมให้คนในครอบครัวหรือในตระกูลชินวัตรต้องติดคุกในประเทศไทยเป็นอันขาด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ นายพานทองแท้ ที่ถือเป็นลูกชายคนโต ทำให้เป็นที่จังตาอย่างยิ่งว่าจะมีการ “หลบหนี”ตามไปอีกคนหรือไม่ อีกทั้งเมื่อหายเงียบไปอย่างผิดสังเกตแบบนี้มันก็ยิ่งเข้าเค้าว่า “หนีไปแล้ว”หรือไม่ !!