“ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ประกาศจุดยืนของตัวเองและพรรคอนาคตใหม่ บอกโลกว่า ข้าจะสู้ด้วยสันติวิธี ในระบอบรัฐสภา จะไม่มีความรุนแรงตราบที่สันติวิธีไม่ถูกห้าม
หลายคนคงอยากรู้ว่า หาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีอันต้องสิ้นสภาพส.ส. และพรรคอนาคตใหม่ต้องถูกยุบพรรคในอนาคต การต่อสู้ของพลพรรคอนาคตใหม่จะยังคงต่อสู้ในระบอบรัฐสภา แบบสันติอยู่หรือไม่ หรือจะนำมวลชนลงท้องถนนเพื่อต่อสู้นอกสภา อย่างที่พรรคการเมืองสองพรรคใหญ่เคยทำ
นี่น่าจะเป็นคำตอบได้ในระดับที่ต้องรับฟัง เมื่อเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เอาไว้ก่อนหน้าแล้วว่า
“สู้แบบเราเป็นวิธีสันติ ไม่มีอะไรรุนแรง สู้ตามระบอบรัฐสภา ความรุนแรงจะเกิดเมื่อวิธีสันติถูกห้ามไม่ให้ทำ”
รวมทั้งหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายธนาธร พ้นสภาพจากการเป็นส.ส.แล้ว
“ช่อ” ก็ยังโพสต์ทวิตเตอร์ ต่ออีกว่า “แม้สิ้นสภาพ ส.ส. แต่ #ธนาธร ยังคงเป็นหัวหอกทีม #อนาคตใหม่ เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ ใครมีเบาะแสการทุจริต ใช้อำนาจในทางมิชอบของรัฐบาล ส่งมาที่whistle@futureforwardparty.org กลางเดือนธันวาคมนี้เจอกันแน่ #StandWithThanathorn
และในเฟซบุ๊ก ก็โพสต์ข้อความว่า “คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย
#ธนาธร #อนาคตใหม่”
สำหรับ “ช่อ -พรรณิการ์ กำลังเป็นข่าวฮือฮาทางสื่อมวลชน กับนักการเมืองหญิงในสภาฯ ที่มีสามีเป็น ผู้บริหารสื่อค่ายหนึ่ง ถึงขั้นจะมีการฟ้องร้องกัน เนื่องจากเธอพาดพิงว่า นักการเมืองดังกล่าวใช้สื่อเป็นคุณทางการเมือง โจมตีพรรคอนาคตใหม่ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร ขณะที่นายธนาธรกับถูกร้องให้พ้นสภาพส.ส.
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เธอถูกกล่าวว่า เงินบริจาค 1 ล้านบาท ที่สวนทางกับรายได้ที่แจ้ง ป.ป.ช.เป็นเงินที่ได้มาจากการกระจายบริจาคของผู้อื่นหรือไม่ โดยเธอชี้แจงว่า เป็นเงินของครอบครัว(11 พ.ย.62) และพร้อมที่จะต่อสู้คดีหากมีการยื่นคำร้องเอาผิด
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น “ช่อ -พรรณิการ์ ยังถูกยกให้เป็นแถวสองที่จะนำพรรคต่อไป หากคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ ถูกเว้นวรรคทางการเมือง เพราะดูดีมีราคาไม่น้อยหน้าใคร และฝีปากกล้าเอาการ ไม่กลัวบารมีใครอีกต่างหาก จะเรียกว่า “สวยสังหาร” ก็คงไม่มีแย้ง
ถามว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ตามประวัติ ช่อ พรรณิการ์ วานิช เป็นบุตรสาวของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนชื่อดัง ปัจจุบันอายุ 30 ปี เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ศึกษาชั้นประถม 1 ถึงมัธยม 6 ที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ จบปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากนั้นไปเรียนต่อระดับ ปริญญาโท สาขาการเมืองโลก วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (The London School of Economics and Political Science) (LSE) มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อเรียนจบกลับมาทำงานที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี (2554-2560) รับหน้าที่เป็นพิธีกรรายการสารคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทยและประเทศอาเซียน iASEAN, พิธีกรรายการข่าวต่างประเทศ Voice World Wide, พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและเศรษฐกิจ, พิธีกรรายการวาไรตี้
ส่วนสาเหตุที่เข้าสู่การเมือง เริ่มจากสองคู่หู “ธนาธร-ปิยบุตร” ตั้งพรรคอนาคตใหม่ แล้วชักชวน “ช่อ” ให้มาร่วมงาน ในตำแหน่งโฆษกพรรคอนาคตใหม่
จากนั้นเธอตัดสินใจลาออกจากงานสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีทันที โดยให้ความเห็นว่า "สื่อกับนักการเมืองใกล้กันมาก ซึ่งนักการเมืองต้องสื่อสารกับประชาชน เป็นอาชีพที่ไม่ได้มีคุณค่าแค่เงินทอง แต่มีอุดมการณ์จุดยืน จึงน่าจะต่อยอดไปได้"
โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออก เธอเป็นบรรณาธิการฝ่ายต่างประเทศ จากนั้น กระโดดเข้าสู่สนามการเมืองด้วยตำแหน่งโฆษกพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อ 27 พ.ค.2561
“เราตัดสินใจมาทำงานการเมือง เหมือนเราตกหลุมรักอนาคตใหม่ คืออารมณ์ล้วนๆ พอโดนชักชวนปุ๊บ ได้ไปคุยกันจริงจัง นอนไม่หลับอยู่ 2 วัน แล้วก็ตัดสินใจเลย”(ไทยรัฐออนไลน์
11 มิ.ย.62)
ส่วนทัศนะที่น่าสนใจเธอเคยให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์เอาไว้ตอนหนึ่งว่า "ขณะนี้ช่อคิดว่า ไม่ใช่แค่คนในพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น ที่รู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เพราะประชาชนทั่วไปก็รู้สึกได้ชัดเจนว่า "เราถูกสกัดดาวรุ่ง" ซึ่งถ้าถามว่าพรรคแปลกใจไหม บอกได้ว่าไม่แปลกใจ เพราะช่อและทุกคนเตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง ช่อและทุกคนรู้ว่าการมีจุดยืนต่อต้าน คสช. ยุติรัฐประหาร ทลายทุนผูกขาด เป็นจุดยืนที่ชนกับผู้มีอำนาจ เพราะฉะนั้นงานย่อมไม่ง่าย เสี่ยงอันตราย เหนื่อยหนัก" (6 พ.ค. 62)
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงน่าจับตามอง “ช่อ” และพรรคอนาคตใหม่ ที่เชื่อมั่นในจุดยืนว่า จะต่อสู้ในระบอบรัฐสภา แบบสันติ ไม่มีความ รุนแรงอย่างที่หลายคนกลัวว่าจะเลียนแบบฮ่องกง เพราะนายธนาธร เคยยอมรับว่า “ฮ่องกง” เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของการตั้งพรรคอนาคตใหม่ ดูว่าจะแปรเปลี่ยนหรือไม่