ศาล รธน.ประชุมลงมติคดีสถานภาพ ส.ส.“ธนาธร” แล้ว ก่อนอ่านคำวินิจฉัยเวลา 14.00 น. ขณะกลุ่มผู้สนับสนุนอนาคตใหม่ ทยอยปักหลักหน้าสำนักงานศาลฯ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เตรียมให้กำลังใจหัวหน้าพรรค ด้าน 4 สถานทูต ส่งตัวแทนขอเข้าฟัง
วันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ จากเหตุถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งบรรยากาศที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าประจำตามจุดต่างๆ ทั่วอาคารเอ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และบริเวณโดยรอบ ซึ่งก็เริ่มมีบรรดาผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทยอยเดินทางรอให้กำลังใจนายธนาธร ที่จะเดินทางมาฟังคำวินิจฉัยในเวลา 13.00 น. ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ก็เดินทางมาปักหลักรอรายงานข่าว โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มประชุมเพื่อแถลงคำวินิจฉัยส่วนตน ในเวลา 10.00 น. แล้ว
สำหรับคดีนี้ กกต. ได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 62 โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัยและสั่งให้นายธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. ซึ่งในกระบวนการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ศาลได้เรียกพยานเข้าไต่สวนจำนวน 10 ปาก ทั้ง นายธนาธร ผู้ถูกฟ้องคดี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา และ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา โดย นายธนาธร ยืนยันว่า มีการเซ็นโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด จำนวน 675,000 หุ้น ให้กับ นางสมพร มารดา ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 62 ดังนั้น ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 6 ก.พ. 62 จึงเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยสหภาพยุโรป สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย และ สถานเอกอัครราชทูต สหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทยติดต่อขอส่งตัวแทนเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัย
หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้มีมติว่า นายธนาธร มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็จะมีผลให้นายธนาธร ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.ทันที และหลังจากนั้น ทาง กกต.ก็จะมีการดำเนินการในคดีอาญาตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กรณีที่นายธนาธรรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังคงใช้สิทธิลงสมัคร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่น-2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี