ข่าวปนคน คนปนข่าว
** บทเรียนจากเหตุสุดช็อก ยิงกันในศาลจันทบุรี ประธานศาลฎีกากำชับทุกศาล เข้มระบบรปภ. เผยประวัติทนายดังที่ถูกยิงเสียชีวิต ว่าความให้คนดังและบริษัทใหญ่มานับไม่ถ้วน
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เหตุยิงกันภายในห้องพิจารณาคดีของศาลจันทบุรี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการรอกระบวนพิจารณาคดีพิพาทมรดกที่ดินของคู่ความโจทก์และจำเลย ... ซึ่งในสองรายที่เสียชีวิต ทั้งผู้ก่อเหตุคือจำเลย "พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์" เคยเป็นนายตำรวจระดับผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ...ขณะที่"นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์" ทนายความฝ่ายโจทก์ที่ถูกยิงเป็นทนายความชื่อดัง
ประวัติส่วนตัวของ "ทนายบัญชา" นอกจากจะเคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แล้ว ยังรับว่าความให้บริษัทขนาดใหญ่ และบุคคลที่มีชื่อเสียงมามากมาย
ที่โด่งดังคือเป็นทนายความให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ภายหลังพบว่าเจ้าตัวได้ถอนตัวออกไป และแต่งตั้ง "นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง" มาว่าความแทน...เคยว่าความให้ "พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์" อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล... เป็นทนายความให้กับ "รศ.รังสรรค์ แสงสุข" อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ... ว่าความให้ "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ น้องชาย "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นอกจากนี้ "ทนายบัญชา" ยังเป็นทนายความให้กับหน่วยงานรัฐ อย่างกระทรวงพลังงาน ฟ้อง "ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี" หรือ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่ม "บริษัท คิง เพาเวอร์" ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) อย่างน้อย 2 คดี เป็นต้น
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ "นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์" ประธานศาลฎีกา รู้สึกไม่สบายใจ และมีความกังวลใจ ทั้งมีความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้สั่งการให้สำนักงานศาลยุติธรรม ทบทวนตรวจทานดูระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวบุคลากร หรืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัย จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข
แน่นอนว่า สิ่งที่ทุกคนสงสัยก็คือ "ทำไมผู้ก่อเหตุจึงสามารถพกพาอาวุธเข้าไปในศาลได้" ซึ่งปกติจะเข้าไปได้ยาก หรือไม่ได้เลย นอกจากอาศัยช่องว่างของการตรวจสอบตรวจค้น
จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ไม่นาน ภายหลังจากที่เกิดเหตุ 3 ผู้ต้องขังชาย-หญิง คดียาเสพติด หนีจากห้องควบคุมตัวในศาลจังหวัดพัทยา โดยมีอาวุธปืนและมีด ที่ลักลอบนำเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยบริเวณศาล ได้รับบาดเจ็บไปเมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมานั้น มาตรการความปลอดภัยบริเวณศาล ก็ถูกยกระดับขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ "นายสราวุธ เบญจกุล" เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ลงนามในหนังสือถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดศาลยุติธรรม ให้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาล
บทเรียนที่เกิดซ้ำๆ ในช่วงเวลาห่างกันไม่นาน จึงต้องหาทางเข้มงวดเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาด ลดความเสี่ยง ที่จะส่งผลกระทบต่อการควบคุมผู้ต้องหาหรือจำเลย ไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้อีก คำสั่งขอให้แต่ละศาล เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณศาลให้มากขึ้นกว่าเดิม จึงตาม มาในวันนี้ โดยให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาล หรือ ผอ.สำนักงานประจำศาล เพิ่มความระมัดระวัง โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาล ให้มีการตรวจค้นตัว และสิ่งของอย่างละเอียด และให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.)ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2550 อย่างเคร่งครัดต่อไป
ฟังอย่างนี้แล้วก็ถือได้ว่า มาตรการของศาลคงสร้างความอุ่นใจและสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้เดินทางมาศาลโดยที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุทำนองนี้อีกแน่ๆ
** "ทวี ไกรคุปต์" พ่อ "เอ๋" ปารีณา ต้องออกโรงเอง หลังลูกสาวถูกร้องเรียนว่า ครอบครองที่ ภบท.5 กว่า 1,700ไร่ บอกเข้าทำประโยชน์ถูกต้อง แต่เป็นเรื่องดิสเครดิตทางการเมือง เพราะไปวิพากษ์วิจารณ์ สองนายกฯ หนีคดีไปเสวยสุขต่างประเทศ ปล่อยให้ลูกน้องติดคุก
"เอ๋" ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในทีมยุทธศาสตร์ของพรรค บทบาททางการเมืองจัดได้ว่าเป็น "ตัวชน" คนหนึ่งในซีกรัฐบาล เพราะเธอชนกับคนดังๆ มาแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช จากพรรคอนาคตใหม่ ..."เต้" มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ จากพรรคไทยศรีวิไลย์ ... พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เป็นประธาน กมธ. ป.ป.ช. ก็ยังเจอเรื่อง รถจักรยานยนต์ "ไทเกอร์" ของตำรวจ ที่มีการจัดซื้อในยุคที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั่งรักษาการ ผบ..ตร. ยังมีกรณีพาชาวบ้านร้องเรียนให้รัฐบาลทวงคืนที่ดินทับซ้อนป่าชุมชน 500 ไร่ ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่อยู่ในการถือครองของ "สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ" แม่ของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" กลับคืนมาให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในลักษณะป่าชุมชน...
ล่าสุด "เอ๋" ปารีณา ก็ถูกตรวจสอบกลับคืนมาบ้าง เมื่อ "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ได้ส่งเอกสารคำร้องไปยังป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบการถือครองพื้นที่ "ภบท.5" ของ ปารีณา ตามที่ได้ยื่นรายการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต่อป.ป.ช. เมื่อคราวรับตำแหน่งส.ส. ปี 2562 นี้เองว่า มีที่ดิน ภบท.5 อยู่ในครอบครอง 1,706 ไร่ ที่ หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ... เพราะเห็นว่า ที่ "ภบท.5" ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถครอบครองจนถึงกับเอาไปแจ้งในบัญชีทรัย์สินได้
เรื่องนี้ "เอ๋" ปารีณา ได้ออกมาชี้แจงผ่านสื่อแล้วว่า ที่ดินดังกล่าวได้มานานมากแล้ว เป็นที่ดินที่กรมป่าไม้อนุญาตให้เข้าทำกินได้ จึงได้เข้าไปทำประโยชน์ โดยเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือที่เรียกกันว่า "ภาษีดอกหญ้า" มากว่า 10 ปีแล้ว... ก่อนหน้านี้ก็ ปลูกอ้อย ปลูกส้ม เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ปัจจุบันก็เลี้ยงไก่
"เอ๋" ปารีณา บอกว่าไม่ได้เข้าไปครอบครอง เพราะที่ดินยังเป็นของหลวง เธอเพียงเข้าไปทำประโยชน์ แล้วเสียภาษีให้รัฐโดยถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และที่ ภบท.5 ก็มีอยู่มากมายทั่วประเทศ ที่เกษตรกรก็เข้าไปทำประโยชน์ โดยไม่ได้สิทธิ์ครอบครอง... ส่วนที่ต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ก็เพราะป.ป.ช. ขอความร่วมมือมาว่า ถ้ามีที่ดินประเภทของกรมป่าไม้ ที่เข้าไปทำกินอยู่ให้แจ้งด้วย จึงได้แจ้งไป เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ให้มีการตรวจสอบได้ แต่ไม่ได้ประเมินราคา เพราะกรมที่ดิน ไม่รับประเมิน...
เมื่อเป็นเรื่องเป็นราว เป็นข่าวขึ้นมา ก็ต้องมีการตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าว ที่ว่าเป็น"ที่ของหลวง" นั้น อยู่ในความดูแลของหน่วยงานใด ...จะเป็นกรมป่าไม้ หรือ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)
"วราวุธ ศิลปอาชา" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่กำกับดูแลกรมป่าไม้ จึงสั่งการให้ "อรรถพล เจริญชันษา" อธิบดีกรมป่าไม้ ไปทำการตรวจสอบ ก็พบว่าที่ดินดังกล่าวมีการใช้ประโยชน์ โดยตั้งฟาร์มเลี้ยงไก่ ชื่อ "เขาสนฟาร์ม" เมื่อตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศ พบว่า บริเวณที่ตั้งโรงเลี้ยงไก่เกือบทั้งหมด เดิมอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี พ.ศ. 2527 ปัจจุบันกรมป่าไม้ส่งมอบให้ ส.ป.ก. ประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อปี 2554 ...เมื่อเป็นดังนี้ ก็เป็นหน้าที่ของ ส.ป.ก. ที่จะเข้ามาตรวจสอบต่อไป
ขณะที่ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแล สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ก็สั่งการให้เลขาฯ ส.ป.ก. ไปตรวจสอบให้ชัดว่า ที่ดินนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เข้าสู่ขั้นตอนการปฏิรูปที่ดินแล้วหรือไม่ ถ้าเข้าสู่การปฏิรูปที่ดินแล้ว ก็ต้องตรวจสอบว่า เดิมเป็นที่ดินของใคร อยู่ในกำกับดูแลของหน่วยงานไหน เพราะบางพื้นที่อาจอยู่ในการครอบครองของชาวบ้านมาก่อน ซึ่งที่ดินอยู่ในระหว่างครอบครอง กับการบุกรุกนั้นต่างกัน...อย่างเช่น เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับที่ดินของ "แม่ธนาธร" นั้นต่างกัน เพราะรายนั้นเป็นที่ป่าชุมชน...
แน่นอนว่าเมื่อคนในฝั่งรัฐบาลมีเรื่องที่ "เป็นประเด็น" อย่างนี้ ก็ต้องไปถึง "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะดำเนินการอย่างไร ... ก็ได้คำตอบมาว่า ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป่าไม้ - ส.ป.ก. และมหาดไทย เข้าไปตรวจสอบ ให้กฎหมายเป็นตัว "เคลียร์คัต" ให้ชัดเจน !!
ขณะที่ "ทวี ไกรคุปต์" พ่อของ "เอ๋" ปารีณา ก็ออกโรงมาชี้แจงว่า ที่ดินนี้ครอบครองมานาน โดยซื้อมาจากชาวบ้าน ไม่ได้บุกรุก ตอนออกประกาศเป็นที่ดิน ส.ป.ก. เมื่อปี 2537 พื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่เขต ส.ป.ก. เพราะเขาเห็นว่ามีการเข้าทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงไม่ประกาศให้เป็นที่ ส.ป.ก. ต่อมาปี 2554 กรมป่าไม้ ได้ยกที่ดินบริเวณดังกล่าวให้เป็น ส
.ป.ก. และทาง ส.ป.ก. ก็ประกาศเป็นเขตปฏิรูปในปีเดียวกัน แต่เราก็ได้ทักท้วงไปแล้ว เพราะในพื้นที่ดังกล่าว ได้ทำประโยชน์ทางปศุสัตว์ ก่อนปี 2554 อยู่แล้ว เราเป็นเกษตรกร ไม่ได้สร้างรีสอร์ต จึงไม่เหมือนกับกรณีส.ป.ก. ที่วังน้ำเขียว
"สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เพราะเอ๋ เล่นแรง พูดถึงสองนายกฯ หนีคดี ติดคุก เสวยสุขต่างประเทศ ลูกน้องติดคุกหัวโต เขากล้าพูด จึงสะท้อนว่าที่โดนร้องเรียน เพราะเป็นเกมการเมือง เป็นการดิสเครดิตกัน จึงขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวด้วย และคนที่ร้องก็รู้กันอยู่ ว่าเป็นแกนนำของพรรคการเมืองใด เอ๋ เขาไม่ได้บุกรุก เขาเป็นเกษตรกรจริงๆ ไม่ใช่เกษตรกรเถื่อน"
เรื่องนี้ เมื่อ"ลุงตู่" สั่งให้ตรวจสอบเพื่อเคลียร์คัตแล้ว ก็คงต้องติดตามผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบกันต่อไป ... สำหรับ"เอ๋"ปารีณา ก็คงไม่ต้องมีอะไรให้วิตกกังวล เพราะการเป็นนักการเมือง เมื่อมีหน้าที่ตรวจสอบผู้อื่น ตัวเองก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบอยู่แล้ว !!