ข่าวปนคน คนปนข่าว
**กรรมกำลังไล่ล่าขบวนการกรรโชกทรัพย์เด็ก15 “กระทงรีลัคคุมะ”เหยื่อโผล่มาฟ้องพฤติกรรมสุดเลวเพียบ กระแสสังคมกดดัน“ตำรวจโคราช”มีเอี่ยวหรือไม่ ? จนผู้กำกับบ่นอึดอัด เป็น "แพะสังคม" แต่หากตรวจสอบก่อนแต่แรก-ไม่รับแจ้งความ คงไม่เป็นแบบนี้ เรื่องนี้ต้องจับตา“บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะกู้ศรัทธาสีกากีอย่างไร
กลายเป็นกระแสสังคมที่พูดกันไปทุกหย่อมหญ้ากับขบวนการกรรโชกทรัพย์ เด็ก15
เรื่องเริ่มมาจากมีคนชื่อ "ประจักษ์ โพธิผล" นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เข้าจับกุมเด็กวัยเพียง 15 ปี ขณะส่งมอบ "กระทง" อาหารปลา พิมพ์ลายการ์ตูน“การ์ฟิลด์”และ “รีลัคคุมะ”การ์ตูนดังที่รู้จักกันดี ซึ่งล่อซื้อผ่านเฟซบุ๊ก ว่าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยพอนำตัวมาโรงพักได้ ก็ข่มขู่ อ้างนู่นนี่ ทำให้หวาดกลัว มีโทษอย่างนั้น อย่างนี้ ว่ากันไปถึง“โทษประหารชีวิต”แล้วก็เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท แต่ได้เจรจากันเหลือ 5,000 บาท
เหมือนคนดีผีคุ้ม เด็กวัย 15 ที่ชีวิตน่านับถือ หารายได้พิเศษเพื่อต้องการช่วยบรรเทาค่าครองชีพ สู้อุตสาห์ทำงานพิเศษ ทำ"กระทงรีลัคคุมะ" ตามที่แก๊งนี้ว่าจ้าง แล้วล่อซื้อวันละหลายชั่วโมง ความจึง“โป๊ะแตก” บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด ในฐานะตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัท ซาน-เอ็กซ์ ประเทศญี่ปุ่น เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง ชี้แจงว่า ไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการจับลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย แต่อย่างใด...
ว่ากันว่า "แก๊งกรรโชกทรัพย์" พวกนี้พื้นฐานเคยทำงานด้านลิขสิทธิ์มาก่อน เห็นช่องทำมาหากิน อย่างตัวผู้ร่วมขบวนการที่ชาวเน็ต สืบลากไส้ออกมา “นัน กิ่งเพชร” อดีตเจ้าหน้าที่ปราบปรามทรัพย์สินทางปัญญา ของบริษัทหนึ่ง รู้ข้อกฎหมาย รู้วิธีการพูดคุยให้เหยื่อหลงเชื่อได้
พอคดีพลิกคราวนี้ เรื่องที่ขบวนการนี้ไปข่มขู่กรรโชกทรัพย์ ก็มีผู้เสียหายรายอื่นๆ เปิดเผยตัวออกมานับสิบๆ ราย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มมิจฉาชีพ
น่าสนใจว่า ผู้เสียหายทั้งหมดให้การตรงกันว่า ได้ทำกระทงสติกเกอร์ เคสโทรศัพท์มือถือ ดอกไม้พลาสติก รูปการ์ตูน ขายผ่านทางเฟซบุ๊ก และถูกล่อซื้อผ่านอินบ็อกซ์ให้มาส่งสินค้า ก่อนถูกจับกุมและเรียกค่าเสียหายรายละตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 100,000 บาท รวมประมาณ 500,000 บาท บางรายต้องหยิบยืมเงินมาจ่าย และเป็นหนี้สินชีวิตลำบากอย่างมาก
ตอนนี้กรรมกำลังจะไล่ล่าขบวนการนี้บ้างแล้ว !
"ชูชาติ ศรีแสง" อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng กรณีนี้ เด็กไม่มีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ การที่ผู้ว่าจ้างไปแจ้งความ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีแก่เด็ก โดยมีการเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดลิขสิทธิ์จากเด็ก หากเด็กจ่ายค่าเสียหายให้ ก็จะไม่ติดใจดำเนินคดี เช่นนี้ถือได้ว่า ผู้ว่าจ้างข่มขืนใจเด็กให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนเองได้ประโยชน์ในลักษณะที่ เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะดำเนินคดีอันเป็นการทําอันตรายต่อเสรีภาพ คือทำให้เด็กต้องถูกควบคุมตัว หมดเสรีภาพในร่างกาย หรือทำอันตรายต่อชื่อเสียงของเด็ก คือทำให้เด็กต้องตกเป็นผู้ต้องหาว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย จนทำให้เด็กต้องยินยอม การกระทำของแก๊งนี้จึงมีความผิด ฐานกรรโชกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 มีโทษจําคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท...
เรียกว่า โดนโทษหนักแน่! แถมอาจจะโดน ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ต่อพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173 และ 174 ซึ่งมีโทษสูงสุด จําคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท เช่นเดียวกัน
ดังนั้นในทางกลับกัน ข้อสงสัยของสังคมที่ว่า “ตำรวจมีเอี่ยว”ด้วยหรือไม่ ถ้าเจ้าพนักงานตำรวจไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้ ก็ต้องไม่รับแจ้งความ และไม่ดำเนินคดีแก่เด็ก ตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ แต่ต้องดำเนินคดีแก่ขบวนการกรรโชกทรัพย์ ตบทรัพย์เด็กทำกระทง เรื่องคดีและกระแสสังคม ก็น่าจะพลิกไปอีกแบบ...
นายตำรวจที่โดนสังคมตั้งคำถามเดิมๆ คงไม่พ้น "พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ" ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา ยอมรับว่า อึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนดูข่าวโกรธ และโมโหตัวเองมาก ตอนนี้ตำรวจกลายเป็น“แพะของสังคม”เพราะหลายคนกังขาว่า ตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมแก๊งตบทรัพย์หรือไม่ โดยยืนยันว่า ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิดแต่อย่างใด กำลังเร่งสืบสวนทำความจริงให้กระจ่าง...
แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องถูกทำให้กระจ่างแน่ และเหยื่อต้องได้รับความยุติธรรมคืนกลับ!!
แว่วว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ชื่อฉายาว่า “ลูกผู้ชายที่ชื่อแป๊ะ”จากภาพลักษณ์นายตำรวจที่ลงพื้นที่ ทำงานและดูแลคดีใหญ่ๆด้วยตัวเองแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเป็นกันเองโดยไม่ถือตัว ถือยศถือตำแหน่ง จนทำให้ได้ใจลูกน้องไปเต็มๆ ให้ความสนใจต่อกระแสสังคมเรื่องนี้มาก
ต้องจับตาว่า“บิ๊กแป๊ะ”จะกู้สถานการณ์ศรัทธาต่อวงการสีกากีในเรื่องนี้อย่างไร ?
โปรดติดตามอย่ากะพริบตา .
**"ส.ส.เต้" เปรี้ยวต่อเนื่อง เสนอยกเลิกเพลงชาติ อ้างแต่งคำร้องมาตั้งแต่ยุคคณะราษฎร เนื้อหาละเลยการเชิดชูสถาบันฯ แถมร้องกันมากว่า 80 ปี ควรแต่งใหม่ได้แล้ว
จัดได้ว่า"ส.ส.เต้" มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นคนที่ขยันสร้างสีสันให้ฮือฮากันไม่เว้นแต่ละวัน บรรดาแฟนคลับในโซเชียลฯ ติดตามคอมเมนต์ ทั้ง"สวด" ทั้ง"อวย" กันคึกคัก...
เมื่อสัปดาห์ก่อนท่านส.ส. ก็ขนเอา "ไนโตรเจนผง" สารตั้งต้นประกอบระเบิดTNTพร้อมเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด รุ่นใหม่จากสหรัฐอเมริกา เข้าสภาฯ ไปสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพการตรวจจับระเบิด ว่ามีคุณภาพเหนือกว่าเครื่องตรวจจับระเบิดของสภาฯ ที่ใช้กันอยู่ ...ทำเอาวุ่นกันไปหมด ทั้งฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสภาฯ ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่จากหน่วย EOD จน "นายชวน หลีกภัย" ประธานสภาฯ ต้องตั้งกรรมการสอบ เนื่องจากเอาวัตถุอันตราย เข้าสภาฯ โดยไม่ขออนุญาตก่อน
ถัดมาเมื่อสองวันก่อน ก็เจอ "ท่านใหม่" ม.จ.จุลเจิม ยุคล แฉโพยว่า "พระกริ่งปวเรศเนื้อทองคำ" ที่ "ส.ส.เต้" แจ้งในรายการบัญชีทรัพย์สิน ที่ยื่นต่อ คณะกรรมการป.ป.ช. ตีราคาถึง 50 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่ของแท้ เพราะตามปูมประวัติ "พระกริ่งปวเรศ" ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้นนั้น "ไม่มีเนื้อทองคำ"... มีอยู่เนื้อเดียว คือ "เนื้อนวโลหะผิวกลับดำ" ดังนั้นพระกริ่งทองคำของท่าน ส.ส. ก็เป็นได้แค่พระกริ่ง ที่พระเกจิอาจารย์ หรือนักสร้างพระ สร้างเลียนแบบขึ้นมา ราคาก็น่าจะอยู่แค่ หลักหมื่น หรือ หลักแสน ตามน้ำหนักทองเท่านั้น
เล่นเอา"ส.ส.เต้" ต้องออกมายอมรับเสี่ยงอ่อย บอกว่าน่าจะเป็นพระที่วัดบวรฯ สร้างขึ้นในยุคหลัง และยินดีที่จะปรับลดราคาลงมา ตามที่ป.ป.ช.ต้องการ ... เรื่องพระกริ่งทองคำ 50 ล้านนี้ ในโซเชียลฯ "สวด" กันกระหน่ำ...
ล่าสุด เมื่อวานนี้เอง "ส.ส.เต้" ก็สร้างเรื่องในที่ประชุมสภาฯ ให้ฮือฮาขึ้นมาอีก โดยก่อนจะถึงวาระการประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆนั้น จะมีช่วงที่ประธานสภาฯ เปิดโอกาสให้สมาชิก ได้หารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ..."ส.ส.เต้" ก็ยกมือ ขอหารือเรื่อง "เพลงชาติไทย" บอกว่าที่ร้องกันอยู่ทุกวันนี้ มีการใช้มาตั้งแต่ ปี 2475 จนถึง ปัจจุบันก็เป็นเวลา 80 กว่าปีแล้ว ... คนแต่งเนื้อร้องก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของ "คณะราษฎร" จึงไม่มีเนื้อหาท่อนใดเลยที่เอ่ยยกย่อง เทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ ... ต่างจากประเทศอังกฤษ ที่เพลงชาติของเขายังมีเนื้อหาเกี่ยวกับสมเด็จพระราชินี ของประเทศ
ดังนั้น จึงขอเสนอต่อที่ประชุม ให้ยกเลิก "เพลงชาติไทย" ที่ใช้ในปัจจุบัน แล้วทำการปรับปรุงใหม่ ให้มีเนื้อหาที่แสดงออกถึงการยกย่อง เชิดชู สถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ... ระหว่างที่ยังแต่งเพลงชาติเวอร์ชันใหม่ไม่เสร็จ ก็เสนอให้ใช้เพลง "ความฝันอันสูงสุด" ซึ่งเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ร้องแทนเพลงชาติไปพลางก่อนก็ได้ เพื่อเตือนสติคนในชาติ ไม่ให้ท้อถอยในการกระทำความดี...
การหารือของ"ส.ส.เต้" ทำเอา"นายชวน หลีกภัย" ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ประธานสภาฯ ต้องออกปากเตือนว่า ขอให้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯด้วย...
แม้ในที่ประชุมสภาฯ จะไม่ได้อภิปราย หรือถกเถียงกันในประเด็นนี้ แต่เมื่อเป็นข่าวออกมา ทั้งทางสื่อทีวี โซเชียลฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้เข้าไปแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย ...ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ...แต่ส่วนใหญ่ออกในเชิงกระแนะกระแหนว่าขยันสร้างข่าวโปรโมตตัวเอง ทำนองว่า นี่ถ้าไม่ติดประชุมสภาฯ ป่านนี้ "ส.ส.เต้" คงไปโผล่ที่โคราช ร่วมโหนกระแส เด็ก 15 ถูกจับกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ ด้วยแล้ว