xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” เจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวันหารือการพัฒนายั่งยืน ย้ำร่วมมือสร้างอาเซียนให้เข้มแข็ง-มีภูมิคุ้มกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายกฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ย้ำสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากประเทศสมาชิกและภาคีภายนอก

วันนี้ (4 พ.ย.) เวลา 11.45 น. ณ ห้อง Grand Diamond Ballroom ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (Special Lunch on Sustainable Development) ภายหลังเสร็จสิ้น ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

งานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สหประชาชาติ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียน และกรรมการผู้จัดการองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระสำคัญของโลก และเป็นประเด็นสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการขับเคลื่อนการสร้างประชาคมอาเซียนให้มีความเข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งท้าทายต่างๆ นอกจากนี้ อาเซียนได้ร่วมมือกับภาคีภายนอกต่างๆ โดยไทยเป็นผู้ประสานงานอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมข้อริเริ่มความเกื้อกูลระหว่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 กับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ (Complementarities Initiative)

โอกาสนี้ ไทยถือว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของ “ความยั่งยืนในทุกมิติ” ซึ่งเปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่ง คือ การมีเสถียรภาพและความมั่นคง และอีกด้านคือ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีพลวัต และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทั้งสองด้านจะต้องส่งเสริมและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนของประชาคมอาเซียน

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้กล่าวถ้อยแถลงสะท้อน “เสียงของอาเซียน” ที่นครนิวยอร์ก เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างไรก็ดี อาเซียนยังคงเผชิญกับความท้าทายในอีกหลายเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาเซียนได้ประกาศเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เช่น การลดการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 และการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นร้อยละ 23 ภายในปี ค.ศ. 2025 และในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งอาเซียนได้มีข้อริเริ่มมากมายที่จะลดช่องว่างการพัฒนา ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเพื่อไม่ให้ประชาคมอาเซียนทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ในการหารือ นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ประการที่ 1 อาเซียนควรเสริมสร้างแรงกระตุ้นในการดำเนินการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค และต่อยอดจากการดำเนินกิจกรรมของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินการตามโรดแมปความเกื้อกูลฯ

ประการที่ 2 การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในระดับรากหญ้า

ประการที่ 3 การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียนจะต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีภายนอก

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ความร่วมมือและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน และความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกับประเทศคู่เจรจาและภาคีภายนอกของอาเซียนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนประจักษ์ผลเป็นรูปธรรม








กำลังโหลดความคิดเห็น